5 อันดับ หูฟังบลูทูธ Xiaomi รุ่นไหนดี ? อัพเดตปี 2024
1. Xiaomi Redmi Buds 4 Lite
คุณสมบัติเด่นของ Xiaomi Redmi Buds 4 Lite
- ไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 12 มม. ให้เสียงที่คมชัดและทรงพลัง
- Bluetooth 5.3 เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเสถียร
- โหมดหน่วงเวลาต่ำสำหรับการเล่นเกมและการดูวิดีโอโดยไม่เกิดความล่าช้า
- การตัดเสียงรบกวน AI เพื่อการโทรที่ชัดเจน
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (สูงสุด 20 ชั่วโมงเมื่อใช้กล่องชาร์จ)
- กันน้ำระดับ IPX4 กันเหงื่อและน้ำกระเด็นใส่
- การออกแบบที่มีน้ำหนักเบาและสะดวกสบาย
2. Xiaomi Redmi Buds 4 Active
คุณสมบัติเด่นของ Xiaomi Redmi Buds 4 Active
- ไดรเวอร์ไดนามิก 12 มม. เพื่อเสียงที่ทรงพลัง
- การตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC) เพื่อป้องกันเสียงรบกวนรอบข้าง
- กันน้ำ IPX4 กันเหงื่อและฝน
- สวมใส่ได้พอดีสำหรับไลฟ์สไตล์ที่กระตือรือร้น
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (สูงสุด 30 ชั่วโมงเมื่อใช้กล่องชาร์จ)
- Bluetooth 5.3 เพื่อการเชื่อมต่อที่เสถียร
- Google Fast Match เพื่อการจับคู่กับอุปกรณ์ Android ได้อย่างง่ายดาย
3. Xiaomi Redmi Buds 4 Pro
คุณสมบัติเด่นของ Xiaomi Redmi Buds 4 Pro
- การรับรอง Hi-Res Audio Wireless สำหรับเสียงที่มีความเที่ยงตรงสูง
- รองรับตัวแปลงสัญญาณเสียง LDAC สำหรับการส่งสัญญาณเสียงแบบไม่สูญเสีย
- การตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC) สูงถึง 43dB เพื่อป้องกันเสียงรบกวนรอบข้าง
- กันน้ำระดับ IPX4 กันเหงื่อและน้ำกระเด็นใส่
- สวมใส่สบายและปลอดภัยด้วยจุกหูฟังซิลิโคน
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 36 ชั่วโมงพร้อมกล่องชาร์จ
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3 เพื่อการเชื่อมต่อที่เสถียรและมีความหน่วงต่ำ
- การออกแบบไมโครโฟนคู่เพื่อคุณภาพการโทรที่ชัดเจน
- ระบบควบคุมแบบสัมผัสสำหรับการเล่น ระดับเสียง และ ANC
4. Xiaomi Redmi Buds 5
คุณสมบัติเด่นของ Xiaomi Redmi Buds 5
- ระบบตัดเสียงรบกวนแบบไฮบริด ANC สูงสุด 46dB
- รองรับ codec LDAC เสียงความละเอียดสูง
- ไดรเวอร์ไดนามิกขนาด 10 มม.
- ใช้งานได้ยาวนาน 40 ชั่วโมง (รวมเคส)
- รองรับการชาร์จไร้สาย
- ดีไซน์กะทัดรัด ใส่สบาย
- กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP54
- รองรับ Google Fast Pair
- รองรับโหมด Low-Latency เหมาะสำหรับเล่นเกม
5. Xiaomi Redmi Buds 5 Pro
คุณสมบัติเด่นของ Xiaomi Redmi Buds 5 Pro
- ระบบตัดเสียงรบกวนแบบไฮบริด (Hybrid ANC) สูงสุด 52 dB
- ไดรเวอร์แบบ Coaxial Dual Driver ประกอบด้วยไดรเวอร์เบส 11 มม. พร้อมไดอะแฟรมไทเทเนียม และเพียโซอิเล็ก
- ทริกเซรามิกทวีตเตอร์ 10 มม.
- รองรับ codec LDAC และ LHDC 5.0
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่สูงสุด 10 ชั่วโมง (หูฟัง) + 38 ชั่วโมง (เคสชาร์จ)
- รองรับการชาร์จเร็ว ชาร์จ 10 นาที ใช้งานได้ 2 ชั่วโมง
- กันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX54
- รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.3
- ควบคุมการใช้งานผ่านแอป Xiaomi Buds
วิธีเลือกซื้อหูฟังบลูทูธ Xiaomi ให้มีคุณภาพและเหมาะสมกับการใช้งาน
1. เลือกให้เหมาะกับการใช้งาน
หูฟังบลูทูธที่เราเห็น ๆ กันอยู่นี้สามารถแบ่งออกตามประเภทการใช้งานที่มีการออกแบบไว้เป็นการเฉพาะ เช่น
- หูฟัง Sport : ออกแบบสำหรับการใช้งานกับกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวอย่างหนักหน่วง มีคุณสมบัติกันเหงื่อและกันน้ำได้ดี เพื่อให้ทนทานต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่เปียกชื้น
- หูฟัง Travel : ออกแบบให้สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนาน เพื่อให้เหมาะกับการเดินทางระยะยาว และสวมใส่ได้นานโดยไม่รู้สึกอึดอัด มักมีคุณสมบัติตัดเสียงรบกวนเพื่อให้สามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังได้ดี
- หูฟัง Casual : ออกแบบเพื่อการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เน้นความสะดวกสบายในการสวมใส่และการใช้งานที่ง่ายดาย
การเลือกหูฟังบลูทูธให้เหมาะกับการใช้งานช่วยยืดอายุการใช้งานของหูฟังและทำให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพตามคุณสมบัติของหูฟังอย่างแท้จริง หากต้องการหูฟังสำหรับออกกำลังกาย ก็ควรเลือกหูฟัง Sport ที่ทนทานต่อเหงื่อและน้ำ หากเดินทางบ่อยควรเลือกหูฟัง Travel ที่มีแบตเตอรี่ทนทานและสวมใส่สบาย และถ้าใช้ฟังเพลงหรือโทรศัพท์ทั่วไป หูฟัง Casual ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
2. ความอึดของแบตเตอรี่
ปกติแล้วแบตเตอรี่หูฟังบลูทูธมักมีอายุการใช้งานตั้งแต่ 2 ถึง 30 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งความอึดของแบตเตอรี่จะมีผลต่อขนาดและน้ำหนักของหูฟังด้วย หูฟังขนาดเล็กมักมีอายุการใช้งานอยู่ระหว่าง 2 ถึง 7 ชั่วโมงต่อการชาร์จ (การใช้งานต่อเนื่อง) ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป
ขณะที่หูฟังสำหรับการเดินทาง (Travel) อาจมีอายุการใช้งานยาวนานตั้งแต่ 20 ถึง 30 ชั่วโมง แต่ก็มักจะแลกมาด้วยขนาด น้ำหนัก และราคาที่เพิ่มขึ้น การเลือกหูฟังควรพิจารณาตามการใช้งานของผู้ใช้เป็นหลัก หากต้องการหูฟังที่ใช้งานได้นานและไม่ต้องชาร์จบ่อย ๆ หูฟัง Travel อาจเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ถ้าต้องการหูฟังที่มีขนาดเล็กและเบา หูฟังที่มีอายุการใช้งานสั้นกว่าอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
3. มาตรฐานการรับส่งสัญญาณ
เสียงที่ได้คุณภาพ เบสแน่น กังวานไพเราะ ไม่ได้มาจากคุณภาพของไฟล์เสียงเท่านั้น แต่มาตรฐานการรับส่งสัญญาณของหูฟังบลูทูธก็มีบทบาทสำคัญในการขับเน้นหรือลดทอนคุณภาพเสียงเช่นกัน หูฟังบลูทูธที่มีมาตรฐานการรับส่งสัญญาณแบบต่าง ๆ จะมีผลต่อคุณภาพเสียงที่ผู้ใช้งานได้รับ ดังนี้
- SBC (Subband Coding) : เป็นพื้นฐานการรับส่งสัญญาณเสียงที่ไม่ละเอียดมาก แต่ช่วยประหยัดพลังงานได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป
- aptX/aptX HD : พัฒนาขึ้นเพื่อการรับส่งสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพสูงกว่า SBC โดย aptX จะให้เสียงที่คมชัดและมีความละเอียดมากขึ้น ขณะที่ aptX HD จะมีการรับส่งเสียงที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น
- LDAC (Sony) : เป็นมาตรฐานการรับส่งสัญญาณเสียงที่มีความละเอียดสูงมาก สามารถส่งข้อมูลเสียงได้มากกว่ามาตรฐานอื่น ๆ ทำให้คุณภาพเสียงที่ได้มีความคมชัดและมีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น
แม้ว่าหูฟังที่รองรับมาตรฐานการรับส่งสัญญาณเหล่านี้มักจะมีราคาที่สูงขึ้น แต่ก็จะมาพร้อมกับคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ผู้ใช้สามารถสัมผัสประสบการณ์การฟังเพลงที่ดียิ่งขึ้น
4. ความสามารถในการกันฝุ่น/กันน้ำ
ในการตรวจสอบว่าหูฟังบลูทูธสามารถกันฝุ่นหรือกันน้ำได้เพียงใด สามารถดูได้จากค่า IPX (Ingress Protection Rating) ที่ระบุบนผลิตภัณฑ์ โดยค่า IPX นี้จะบอกถึงระดับการป้องกันฝุ่นและน้ำของหูฟัง แม้ว่าเราจะไม่แนะนำให้ใส่หูฟังลงน้ำ แต่การที่หูฟังมีคุณสมบัติกันน้ำก็ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่หูฟังตกน้ำได้
ค่า IPX แบ่งออกเป็นดังนี้
- IPX0 : ไม่มีการป้องกันน้ำ
- IPX1 – IPX2 : ป้องกันน้ำหยดในแนวตั้งถึงน้ำหยดในแนวเฉียง
- IPX3 – IPX4 : ป้องกันละอองน้ำและน้ำสาด
- IPX5 – IPX6 : ป้องกันน้ำพ่นหรือพ่นน้ำแรง
- IPX7 : ป้องกันการจมน้ำชั่วคราวในระดับความลึกไม่เกิน 1 เมตร นานไม่เกิน 30 นาที
- IPX8 : ป้องกันการจมน้ำในระดับความลึกมากกว่า 1 เมตร ตามที่ผู้ผลิตกำหนด
นอกจากกันน้ำแล้ว บางรุ่นยังมีคุณสมบัติกันฝุ่น โดยการป้องกันฝุ่นจะถูกระบุด้วยตัวเลขแรกของค่า IP เช่น
- IP6X : ป้องกันฝุ่นอย่างสมบูรณ์
การเลือกหูฟังที่มีค่า IPX ที่เหมาะสมสามารถช่วยป้องกันแก็ตเจ็ตจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีน้ำหรือฝุ่นได้
5. เลือกฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนเป็นส่วนเสริม
หูฟังบลูทูธหลายรุ่นในปัจจุบันมีความสามารถในการส่งพลังเสียงที่คมชัดยิ่งกว่าเดิมด้วยฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวน (Noise Cancelling) ฟังก์ชั่นนี้ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกออกไปได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงหรือการสนทนาได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม หูฟังที่มีฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนมักมีราคาที่สูงขึ้น และไม่ใช่หูฟังบลูทูธทุกรุ่นจะมีฟังก์ชั่นนี้