เว็บไซต์รวบรวมสินค้า Xiaomi ครบวงจร

5 อันดับ สมาร์ทโฟน Redmi รุ่นไหนดี ราคาประหยัด สเปคคุ้มค่า

สมาร์ทโฟน Redmi

5 อันดับ สมาร์ทโฟน Redmi รุ่นไหนดี แห่งปี 2024 ?

สมาร์ทโฟน Redmi เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางและระดับเริ่มต้นของ Xiaomi ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยและทั่วโลก ด้วยราคาที่ย่อมเยา สเปกที่ครบครัน และฟีเจอร์ที่หลากหลาย ทำให้ Redmi เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพดีและราคาไม่แพง

สมาร์ทโฟน Redmi แบ่งออกเป็นหลายซีรีส์ โดยแต่ละซีรีส์จะมีจุดเด่นและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป หากท่านใดกำลังตามหาซื้อโทรศัพท์มือถือ Redmi สักรุ่นอยู่นั้น ทีมงาน Xiaomi Thailand รวมไว้ให้ท่านแล้วกับบทความ 5 อันดับ สมาร์ทโฟน Redmi รุ่นไหนดี ราคาประหยัด สเปคคุ้มค่า ให้ทุกท่านได้ไปรับชมและเลือกซื้อกัน ซึ่งจะมีรุ่นไหนดีบ้างนั้น เราไปติดตามกันเลย 

1. Xiaomi Redmi A2+

Xiaomi Redmi A2+

Xiaomi Redmi A2+ เป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อโทรศัพท์มาใช้งานทั่วไป เช่น เล่นโซเชียลมีเดีย ดูหนังฟังเพลง เล่นเกมเบา ๆ เป็นต้น ไม่ได้เน้นเรื่องคุณภาพกล้องมากนัก

ข้อดีของ Xiaomi Redmi A2+

  • ราคาไม่แพง เริ่มต้นที่ 2,699 บาท
  • ประสิทธิภาพกลาง ๆ เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป
  • ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Android 13 (Go Edition)
  • MIUI ของทางแบรนด์ทำให้การทำงานราบรื่น
  • รองรับการใช้งานซิมคู่
  • ยังคงใส่ช่องเสียบหูฟังแจ็ค 3.5 mm. มาให้
  • มาพร้อมกับพอร์ตชาร์จแบบใหม่ USB-C

2. Xiaomi Redmi 12C

Xiaomi Redmi 12C

Xiaomi Redmi 12C เป็นโทรศัพท์ราคาประหยัดที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมือถือที่ใช้งานได้ครบครัน ทั้งถ่ายภาพ เล่นเกม ใช้งานทั่วไป โดยเน้นการใช้งานทั่วไปเป็นหลัก ไม่ได้เน้นใช้งานหนัก ๆ มากนัก ถือว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปครับ

ข้อดีของ Xiaomi Redmi 12C

  • กล้องถ่ายรูปดี ให้ภาพคมชัด เก็บรายละเอียดได้ดี
  • หน้าจอใหญ่ ใช้งานดูหนัง เล่นเกมได้เพลิดเพลิน
  • ชิปเซ็ตเล่นเกมได้ลื่นไหล
  • แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้ยาวนาน

3. Xiaomi Redmi Note 12 5G

Xiaomi Redmi Note 12 5G

Redmi Note 12 5G เป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางที่คุ้มค่าคุ้มราคา มาพร้อมกับสเปคที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ อัตรารีเฟรชสูง ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ กล้องหลังความละเอียดสูง และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ รองรับชาร์จเร็ว 33W

ข้อดีของ Xiaomi Redmi Note 12 5G

  • จอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตรารีเฟรช 120Hz ให้ภาพคมชัด สีสันสดใส และลื่นไหล
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 4 Gen 1 มีประสิทธิภาพการทำงานที่แรงกว่ารุ่นก่อนถึง 25% ช่วยให้เล่นเกม ใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล
  • กล้องหลัง 48MP+8MP+2MP ถ่ายภาพได้สวยคมชัด ถ่ายวิดีโอ 4K ได้อย่างไหลลื่น
  • กล้องหน้า 13MP ถ่ายภาพเซลฟี่ได้สวยคมชัด
  • แบตเตอรี่ 5,000 mAh ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน รองรับชาร์จเร็ว 33W

4. Xiaomi Redmi 12 4G

Xiaomi Redmi 12 4G

สมาร์ทโฟนรุ่นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมือถือราคาประหยัด สเปกระดับเริ่มต้น เน้นการใช้งานทั่วไป เช่น เล่นโซเชียล ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกมเบาๆ หน้าจอมีขนาด 6.79 นิ้ว คมชัดระดับ FHD+ รองรับอัตรารีเฟรช 90Hz ชิปเซ็ต Helio G88 ทำงานลื่นไหลใช้ได้ กล้องหลังความละเอียด 50MP ถ่ายภาพกลางวันได้สวย แต่กลางคืนอาจจะต้องปรับแต่งนิดหน่อย แบตเตอรี่ 5,000mAh ใช้งานได้ทั้งวัน

ข้อดีของ Xiaomi Redmi 12

  • หน้าจอขนาดใหญ่ คมชัดระดับ FHD+ รองรับอัตรารีเฟรช 90Hz
  • ชิปเซ็ต Helio G88 ทำงานลื่นไหลใช้ได้
  • กล้องหลังความละเอียด 50MP ถ่ายภาพกลางวันได้สวย
  • แบตเตอรี่ 5,000mAh ใช้งานได้ทั้งวัน

Redmi 12 เป็นสมาร์ทโฟนราคาประหยัดที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมือถือไว้ใช้งานทั่วไป เน้นความคุ้มค่ามากกว่าฟีเจอร์ที่ล้ำสมัย

5. Xiaomi Redmi 13C

Xiaomi Redmi 13C

Xiaomi Redmi 13C ถือว่าเป็นมือถือราคาประหยัดที่คุ้มค่าเกินราคา เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหามือถือที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ อัตราการรีเฟรชสูง มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปและการเล่นเกมระดับปานกลาง และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน

ข้อดีของ Xiaomi Redmi 13C

  • หน้าจอขนาดใหญ่ 6.74 นิ้ว อัตราการรีเฟรช 90Hz
  • ชิปเซ็ต Helio G85 เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปและการเล่นเกมระดับปานกลาง
  • แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh ใช้งานได้ยาวนาน

สำหรับใครที่สนใจ Xiaomi Redmi 13C วางจำหน่ายแล้วในราคาเริ่มต้น 3,999 บาท มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Navy Blue และ Clover Green

วิธีเลือกซื้อสมาร์ทโฟน Redmi รุ่นไหนดี พิจารณาจากอะไร ?

1. ขนาดหน้าจอ

Redmi เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ด้วยราคาที่คุ้มค่าและคุณสมบัติที่หลากหลาย การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณนั้น สามารถทำได้โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้

ขนาดหน้าจอของสมาร์ทโฟนเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อ เนื่องจากส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานทั้งในด้านความบันเทิงและการทำงาน โดยสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่จะมอบประสบการณ์การรับชมที่สมจริงและเพลิดเพลินยิ่งขึ้น เนื่องจากมีพื้นที่แสดงผลที่กว้างกว่า ทำให้สามารถดูวิดีโอหรือเล่นเกมได้อย่างเต็มตา นอกจากนี้ สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อการทำงานที่ต้องการพื้นที่แสดงผลที่กว้าง เช่น การเขียนเอกสารหรือตัดต่อวิดีโอ

สำหรับสมาร์ทโฟน Redmi นั้น มีให้เลือกหลายขนาดหน้าจอ ตั้งแต่ 6.1 นิ้ว ถึง 6.7 นิ้ว โดยสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดคือ Redmi Note 12 Pro 5G ซึ่งมีหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ และอัตราการรีเฟรช 120Hz ทำให้สามารถแสดงผลภาพได้อย่างคมชัดและลื่นไหลเป็นพิเศษ

ดังนั้น หากคุณชอบดูวิดีโอหรือเล่นเกม สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่จะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับคอนเทนต์ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ก็มีข้อเสียเช่นกัน เช่น พกพาไม่สะดวกและแบตเตอรี่หมดเร็วกว่าสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดเล็ก ดังนั้น คุณควรพิจารณาถึงความต้องการการใช้งานของตนเองก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำในการเลือกขนาดหน้าจอของสมาร์ทโฟนให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ

  • หากคุณชอบดูวิดีโอหรือเล่นเกม สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ตั้งแต่ 6.5 นิ้วขึ้นไปจะช่วยให้คุณเพลิดเพลินกับคอนเทนต์ได้มากขึ้น
  • หากคุณต้องการพกพาสมาร์ทโฟนติดตัวไปทุกที่ สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดเล็กตั้งแต่ 6.1 นิ้วลงมาจะช่วยให้พกพาสะดวกกว่า
  • หากคุณต้องการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อการทำงานที่ต้องการพื้นที่แสดงผลที่กว้าง สมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ตั้งแต่ 6.5 นิ้วขึ้นไปจะช่วยให้ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น

2. ความละเอียดหน้าจอ

ความละเอียดหน้าจอเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ส่งผลต่อคุณภาพของภาพบนหน้าจอสมาร์ทโฟน โดยความละเอียดหน้าจอจะแสดงถึงจำนวนพิกเซลที่อยู่บนหน้าจอ ยิ่งจำนวนพิกเซลมากเท่าใด ภาพที่แสดงบนหน้าจอก็จะยิ่งคมชัดและละเอียดมากขึ้น สมาร์ทโฟนบางรุ่นมีความละเอียดหน้าจอ Full HD+ หรือสูงกว่า ซึ่งจะให้ภาพที่คมชัดและสวยงามยิ่งขึ้น

ตัวอย่างความละเอียดหน้าจอของสมาร์ทโฟน Redmi:

  • Redmi 9A : ความละเอียดหน้าจอ HD+ (720 x 1600 พิกเซล)
  • Redmi 10 : ความละเอียดหน้าจอ Full HD+ (1080 x 2400 พิกเซล)
  • Redmi Note 11 Pro 5G : ความละเอียดหน้าจอ Super AMOLED+ (1080 x 2400 พิกเซล)

นอกจากความละเอียดหน้าจอแล้ว ปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพของภาพบนหน้าจอสมาร์ทโฟน ได้แก่ ประเภทของหน้าจอ เทคโนโลยีการแสดงผล และอัตราส่วนภาพ

ประเภทของหน้าจอที่นิยมใช้บนสมาร์ทโฟน ได้แก่ LCD และ AMOLED โดยหน้าจอ LCD จะให้สีสันที่สดใสและสมจริง ในขณะที่หน้าจอ AMOLED จะให้สีดำที่ลึกและคอนทราสต์ที่สูง

เทคโนโลยีการแสดงผลที่นิยมใช้บนสมาร์ทโฟน ได้แก่ IPS LCD และ Super AMOLED โดยเทคโนโลยี IPS LCD จะให้มุมมองที่กว้างกว่า ในขณะที่เทคโนโลยี Super AMOLED จะให้สีสันที่สดใสและสมจริงยิ่งขึ้น

อัตราส่วนภาพของหน้าจอที่นิยมใช้บนสมาร์ทโฟน ได้แก่ 16:9 18:9 และ 21:9 โดยอัตราส่วนภาพ 16:9 จะเป็นอัตราส่วนภาพมาตรฐานที่ให้ความสมดุลระหว่างความกว้างและความสูงของหน้าจอ ในขณะที่อัตราส่วนภาพ 18:9 และ 21:9 จะให้หน้าจอที่กว้างขึ้น เหมาะสำหรับการดูวิดีโอหรือเล่นเกม

3. ชิปเซ็ต

ชิปเซ็ตเป็นหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) และหน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ของสมาร์ทโฟน ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลและกราฟิกต่างๆ ชิปเซ็ตที่แรงกว่าจะช่วยให้สมาร์ทโฟนทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้สามารถเล่นเกม ทำงาน หรือใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ได้อย่างราบรื่น

ชิปเซ็ตสำหรับมือถือ Redmi ในปัจจุบันมีหลากหลายรุ่นให้เลือก แต่ละรุ่นมีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน การเลือกชิปเซ็ตที่เหมาะสมจึงควรพิจารณาจากการใช้งานเป็นหลัก

สำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น เล่นโซเชียลมีเดีย ดูวิดีโอ หรือใช้งานแอปพลิเคชันพื้นฐานต่างๆ ชิปเซ็ตระดับกลาง เช่น Snapdragon 680 หรือ Helio G85 ก็เพียงพอแล้ว

สำหรับการใช้งานระดับสูง เช่น เล่นเกมกราฟิกหนักๆ หรือทำงานตัดต่อวิดีโอ ชิปเซ็ตระดับสูง เช่น Snapdragon 8 Gen 1 หรือ Dimensity 9000 จะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า

นอกจากนี้ ชิปเซ็ตยังมีเทคโนโลยีการผลิตที่แตกต่างกัน โดยชิปเซ็ตที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่เล็กกว่าจะมีขนาดเล็กและประหยัดพลังงานมากกว่า ส่งผลให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น

ตัวอย่างชิปเซ็ตที่ใช้ในสมาร์ทโฟน Redmi มีดังนี้

  • Redmi 10C : Snapdragon 680
  • Redmi Note 11: Snapdragon 680
  • Redmi Note 11 Pro 5G : Dimensity 920
  • Redmi Note 11 Pro+ 5G : Dimensity 920
  • Redmi K50 : Dimensity 8100
  • Redmi K50 Pro : Dimensity 9000

4. หน่วยความจำ

หน่วยความจำ RAM และ ROM เป็นหน่วยความจำหลักในสมาร์ทโฟน มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลและคำสั่งสำหรับการทำงานของสมาร์ทโฟน โดย RAM มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลชั่วคราวที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งได้แก่ แอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานอยู่ ไฟล์ที่เปิดใช้งานอยู่ และข้อมูลอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับการทำงานของระบบปฏิบัติการ ในขณะที่ ROM มีหน้าที่ในการเก็บข้อมูลถาวร เช่น ระบบปฏิบัติการ แอปพลิเคชันที่ถูกติดตั้งไว้ และไฟล์ต่างๆ

หน่วยความจำ RAM ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะช่วยให้สมาร์ทโฟนทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากสมาร์ทโฟนจะสามารถเก็บข้อมูลและคำสั่งที่จำเป็นสำหรับการทำงานของแอปพลิเคชันไว้ได้มากขึ้น ส่งผลให้แอปพลิเคชันทำงานได้ราบรื่นและตอบสนองได้รวดเร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น สมาร์ทโฟนที่มี RAM 16 GB จะทำงานได้เร็วกว่าสมาร์ทโฟนที่มี RAM 8 GB ในการเปิดแอปพลิเคชันขนาดใหญ่หรือเล่นเกมที่มีกราฟิกที่หนักหน่วง

หน่วยความจำ ROM ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะช่วยให้สมาร์ทโฟนสามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้น เช่น ไฟล์เพลง ไฟล์วิดีโอ ไฟล์รูปภาพ และไฟล์ต่างๆ อื่นๆ ส่งผลให้ผู้ใช้สามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้นโดยไม่กระทบต่อพื้นที่การใช้งานของสมาร์ทโฟน

สำหรับมือถือ Redmi บางรุ่นที่มี RAM สูงสุด 16 GB และ ROM สูงสุด 512 GB จะช่วยให้สมาร์ทโฟนทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเปิดแอปพลิเคชันขนาดใหญ่และเล่นเกมที่มีกราฟิกที่หนักหน่วงได้อย่างราบรื่น และสามารถเก็บข้อมูลได้มากขึ้นโดยไม่กระทบต่อพื้นที่การใช้งานของสมาร์ทโฟน

อย่างไรก็ตาม หน่วยความจำ RAM และ ROM เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้นที่มีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของสมาร์ทโฟน ปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ชิปเซ็ต หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) และระบบปฏิบัติการ เป็นต้น

5. กล้องถ่ายรูป

กล้องเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกซื้อมือถือ Redmi เนื่องจากสมาร์ทโฟนในปัจจุบันมีการพัฒนากล้องให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ มือถือ Redmi บางรุ่นมีกล้องหลัง 4 ตัวหรือมากกว่า ซึ่งจะช่วยให้คุณถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างสวยงาม มือถือ Redmi รุ่นล่าสุดมีกล้องหลังความละเอียดสูงสุด 200 ล้านพิกเซล

ในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน Redmi ให้พิจารณากล้องดังนี้

  • จำนวนกล้อง : มือถือ Redmi บางรุ่นมีกล้องหลัง 4 ตัวหรือมากกว่า ซึ่งจะช่วยให้คุณถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างหลากหลาย ตัวอย่างเช่น Redmi Note 11 Pro 5G มีกล้องหลัง 4 ตัว ประกอบด้วยกล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล เลนส์มาโคร 2 ล้านพิกเซล และเลนส์วัดความลึก 2 ล้านพิกเซล
  • ความละเอียดกล้อง : ความละเอียดกล้องจะส่งผลต่อคุณภาพของภาพ ยิ่งความละเอียดกล้องสูง ภาพก็จะยิ่งคมชัดและสวยงาม ตัวอย่างเช่น Redmi Note 11 Pro 5G มีกล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ซึ่งช่วยให้คุณถ่ายภาพได้อย่างคมชัดแม้ในที่แสงน้อย
  • รูรับแสงกล้อง : รูรับแสงกล้องจะส่งผลต่อปริมาณแสงที่เข้าสู่กล้อง ยิ่งรูรับแสงกว้าง ภาพก็จะยิ่งสว่างและสวยงาม ตัวอย่างเช่น Redmi Note 11 Pro 5G มีกล้องหลักรูรับแสง f/1.8 ซึ่งช่วยให้คุณถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างคมชัด
  • เทคโนโลยีกล้อง : มือถือ Redmi บางรุ่นมีเทคโนโลยีกล้องขั้นสูงที่ช่วยให้คุณถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างสวยงาม ตัวอย่างเช่น Redmi Note 11 Pro 5G มีเทคโนโลยี Night Mode ที่ช่วยให้คุณถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้อย่างคมชัด และเทคโนโลยี AI Portrait Mode ที่ช่วยให้คุณถ่ายภาพบุคคลได้อย่างสวยงาม

นอกจากนี้ มือถือ Redmi บางรุ่นยังมีกล้องหน้า ซึ่งช่วยให้คุณถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างสวยงาม ตัวอย่างเช่น Redmi Note 11 Pro 5G มีกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งช่วยให้คุณถ่ายภาพเซลฟี่ได้อย่างคมชัดและสวยงาม

6. แบตเตอรี่

แบตเตอรี่เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกซื้อมือถือ Redmi เนื่องจากแบตเตอรี่เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณใช้งานสมาร์ทโฟนได้นานขึ้น มือถือ Redmi บางรุ่นมีแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000 mAh

ในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน Redmi ให้พิจารณาแบตเตอรี่ดังนี้

  • ความจุแบตเตอรี่ : ความจุแบตเตอรี่จะส่งผลต่อระยะเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟน ยิ่งความจุแบตเตอรี่สูง สมาร์ทโฟนก็จะใช้งานได้นานขึ้น ตัวอย่างเช่น Redmi Note 11 Pro 5G มีแบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh ซึ่งช่วยให้คุณใช้งานได้นานกว่า 2 วัน
  • เทคโนโลยีแบตเตอรี่ : เทคโนโลยีแบตเตอรี่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการใช้งานแบตเตอรี่ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ตัวอย่างเช่น Redmi Note 11 Pro 5G ใช้แบตเตอรี่แบบ Li-Po ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
  • ความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ : ความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่จะส่งผลต่อระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ ยิ่งความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่สูง สมาร์ทโฟนก็จะชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น Redmi Note 11 Pro 5G รองรับการชาร์จเร็ว 67W ซึ่งช่วยให้คุณชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% ถึง 100% ในเวลาประมาณ 35 นาที

7. ระบบปฏิบัติการ

ระบบปฏิบัติการเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกซื้อมือถือ Redmi เนื่องจากระบบปฏิบัติการเป็นตัวกำหนดการทำงานของสมาร์ทโฟน มือถือ Redmi ส่วนใหญ่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 13 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Google ที่มาพร้อมคุณสมบัติใหม่ๆ มากมาย

ในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน Redmi ให้พิจารณาระบบปฏิบัติการดังนี้

  • เวอร์ชันระบบปฏิบัติการ : เวอร์ชันระบบปฏิบัติการที่สูงขึ้นจะให้คุณสมบัติใหม่ๆ มากขึ้น ตัวอย่างเช่น Redmi Note 11 Pro 5G ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 13 ซึ่งให้คุณสมบัติใหม่ๆ มากมาย เช่น การควบคุมความเป็นส่วนตัวที่ดีขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น และฟีเจอร์ใหม่ๆ อีกมากมาย
  • การอัปเดตระบบปฏิบัติการ : สมาร์ทโฟน Redmi ส่วนใหญ่ได้รับการอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็นประจำ ซึ่งจะช่วยให้สมาร์ทโฟนของคุณปลอดภัยและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น Redmi Note 11 Pro 5G ได้รับการอัปเดตความปลอดภัยเป็นประจำเป็นเวลา 4 ปี ซึ่งจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสมาร์ทโฟนของคุณจะปลอดภัยจากภัยคุกคามต่างๆ

หากคุณต้องการสมาร์ทโฟน Redmi ที่มีระบบปฏิบัติการที่ทันสมัยและปลอดภัย คุณควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้ได้สมาร์ทโฟน Redmi ที่มีระบบปฏิบัติการที่ตรงกับความต้องการของคุณ

นอกจากนี้ คุณยังสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน Redmi ได้จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตหรือร้านค้าที่จำหน่ายสมาร์ทโฟน Redmi

เมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้แล้ว คุณจะสามารถตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟน Redmi ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้

นอกจากนี้ คุณยังสามารถเปรียบเทียบราคาของสมาร์ทโฟน Redmi รุ่นต่างๆ จากร้านค้าต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้ราคาที่ดีที่สุด

สมาร์ทโฟน Redmi มีทั้งหมดกี่ซีรีส์ ?

สมาร์ทโฟน Redmi ในประเทศไทยมีให้เลือกหลากหลายรุ่น แบ่งออกเป็น 3 ซีรีส์หลัก ได้แก่

  1. Redmi Note : ซีรีส์ระดับกลางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นเรือธง โดดเด่นด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ กล้องถ่ายภาพคุณภาพดี และแบตเตอรี่ความจุสูง
  2. Redmi : ซีรีส์ระดับเริ่มต้นที่เน้นความคุ้มค่า มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นระดับกลาง โดดเด่นด้วยราคาที่ย่อมเยา สเปกพื้นฐานที่ครบครัน และแบตเตอรี่ความจุสูง
  3. Redmi C : ซีรีส์ระดับล่างที่เน้นราคาประหยัด มีให้เลือกตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นระดับกลาง โดดเด่นด้วยราคาที่ย่อมเยา สเปกพื้นฐานที่ครบครัน และแบตเตอรี่ความจุสูง

สรุป

สมาร์ทโฟน Redmi เหมาะกับผู้ใช้ที่มองหาสมาร์ทโฟนที่มีราคาประหยัด สเปกคุ้มค่า และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การท่องอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย ดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกม ราคาของมือถือ Redmi ในประเทศไทย เริ่มต้นที่ประมาณ 4,000 บาท ไปจนถึงประมาณ 20,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและสเปก หากกำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่คุ้มค่าและราคาไม่แพง Redmi ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยผู้ใช้สามารถเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของตนเองได้

สารบัญ