เว็บไซต์รวบรวมสินค้า Xiaomi ครบวงจร

5 อันดับ หูฟังไร้สาย Xiaomi รุ่นไหนดี เสียงใส ฟังเพลงเพราะ

หูฟังไร้สาย Xiaomi

5 อันดับ หูฟังไร้สาย Xiaomi รุ่นไหนดี ? 2023

Xiaomi เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหูฟังไร้สายรายใหญ่ที่สุดในโลก มีหูฟังไร้สายหลากหลายรุ่นให้เลือกตั้งแต่รุ่นราคาประหยัดไปจนถึงรุ่นระดับพรีเมียม หูฟังไร้สาย Xiaomi นำเสนอคุณสมบัติและคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมในราคาที่คุ้มค่า
หากกำลังมองหาหูฟังไร้สายใหม่ Xiaomi เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม และในวันนี้ Xiaomi Thailand ได้รวบรวม 5 อันดับ หูฟังไร้สาย Xiaomi รุ่นไหนดี เสียงใส ฟังเพลงเพราะ มาไว้ให้แล้ว ซึ่งจะมีรุ่นไหนดีบ้างนั้น ไปติดตามกันเลย

1. Redmi Buds 3 Lite True Wireless

Redmi Buds 3 Lite True Wireless

Redmi Buds 3 Lite True Wireless เป็นหูฟัง True Wireless รุ่นใหม่จาก Xiaomi ที่เปิดตัวในปี 2022 เป็นหูฟังขนาดเล็กกะทัดรัดพร้อมการสวมใส่แบบ In Ear ที่ใส่ได้ง่ายดายและกระชับหู มาพร้อมการเชื่อมต่อที่ทันสมัยอย่าง Bluetooth 5.2 ใช้งานแยกข้างได้อย่างอิสระ ดูภาพยนตร์จาก App ยอดนิยมได้อย่างลื่นไหลไม่ดีเลย์ รวมถึงใช้งานเล่นเกมได้ลื่นไหลแทบไม่ดีเลย์มากกว่ารุ่นอื่นๆ และแบรนด์อื่นๆ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนามาเป็นอย่างดี ควบคุมสะดวกเพียงปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัส พร้อมไมโครโฟนที่สามารถรับเสียงสนทนาได้อย่างคมชัด ตัดเสียงแทรกได้ดีในทุกการติดต่อ ตอบโจทย์สายออกกำลังกายด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54 และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องถึง 5 ชั่วโมงจากนั้นชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวมเป็น 18 ชั่วโมง

ข้อดีของ Redmi Buds 3 Lite True Wireless

  • ขนาดเล็กกะทัดรัด สวมใส่สบาย
  • เชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.2 ใช้งานแยกข้างได้
  • ดูหนัง เล่นเกมไม่มีดีเลย์
  • ควบคุมด้วยระบบสัมผัส
  • รับเสียงสนทนาคมชัด ตัดเสียงแทรก
  • กันน้ำกันฝุ่น IP54

ข้อเสียของ Redmi Buds 3 Lite True Wireless

  • คุณภาพเสียงอาจไม่โดดเด่นเท่ารุ่นระดับบน

2. Xiaomi FlipBuds Pro True Wireless

Xiaomi FlipBuds Pro True Wireless

Xiaomi FlipBuds Pro True Wireless เป็นหูฟัง True Wireless ที่น่าสนใจมากๆ ด้วยความสามารถที่ให้มาแบบอัดแน่นครบครันในราคาที่เบาสบายกระเป๋า โดยจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ที่การตัดเสียงรบกวน ANC ที่ทำได้ค่อนข้างดี ตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีเยี่ยม ช่วยให้เพลิดเพลินกับเสียงเพลงหรือเสียงสนทนาได้อย่างเต็มที่ และยังสามารถปรับระดับการตัดเสียงรบกวนได้ตามความต้องการอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน Transparency ที่ช่วยรับเสียงจากภายนอกได้ชัดเจนเหมือนไม่ใส่หูฟังอีกด้วย การเชื่อมต่อก็ทำได้เสถียรมากๆ รองรับการใช้งานแยกข้างอิสระ รองรับการส่งสัญญษณเสียงไร้สายคุณภาพสูงผ่าน Codec aptX Adaptive และใช้งานได้ยาวนานถึง 22 ชั่วโมง ถือว่าคุ้มค่ามากๆ กับราคาที่จ่ายไป

ข้อดีของ Xiaomi FlipBuds Pro True Wireless

  • ตัดเสียงรบกวน ANC ทำได้ค่อนข้างดี
  • รองรับฟังก์ชัน Transparency
  • เชื่อมต่อได้เสถียรมากๆ
  • รองรับการใช้งานแยกข้างอิสระ
  • รองรับการส่งสัญญษณเสียงไร้สายคุณภาพสูงผ่าน Codec aptX Adaptive
  • ใช้งานได้ยาวนานถึง 22 ชั่วโมง

ข้อเสียของ Xiaomi FlipBuds Pro True Wireless

  • รูปทรงอาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีหูขนาดเล็ก
  • ยางซิลิโคนหูฟังอาจจะหลุดได้บ้าง

3. Xiaomi Redmi Buds 3 Pro True Wireless

Xiaomi Redmi Buds 3 Pro True Wireless

Xiaomi Redmi Buds 3 Pro True Wireless เป็นหูฟัง True Wireless ระดับเริ่มต้นที่คุ้มค่ากับราคา โดยจุดเด่นอยู่ที่การตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟที่ทำได้ดีมากเมื่อเทียบกับราคา ตัดเสียงรบกวนได้อย่างเงียบสนิทและสามารถเลือกปรับโหมดได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ยังมาพร้อมโหมดรับเสียงจากภายนอกที่ใช้งานสะดวก การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ใหม่ล่าสุด ไมโครโฟนคุยโทรศัพท์ที่คมชัด การควบคุมที่ง่ายดาย และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน

ข้อดีของ Xiaomi Redmi Buds 3 Pro True Wireless

  • การตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (Active Noise Cancellation) สามารถเลือกปรับได้ถึง 3 โหมด ตัดเสียงรบกวนได้เงียบสนิทถึง 35dB
  • โหมดรับเสียงจากภายนอก (Transparency) รับเสียงได้อย่างคมชัดเทียบเท่าขณะที่ไม่ได้สวมใส่หูฟังอยู่
  • การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 ใหม่ล่าสุด
  • ไมโครโฟนคุยโทรศัพท์ได้อย่างคมชัด
  • การควบคุมที่ง่ายดายผ่านปลายนิ้วด้วยระบบสัมผัส
  • มาตรฐานกันน้ำ IPX4 ใส่ออกกำลังกายได้
  • อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน 6 ชั่วโมงเมื่อไม่เปิด ANC และชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีกรวมเป็น 28 ชั่วโมง
  • เคสรองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi

สำหรับใครที่มองหาหูฟัง True Wireless ตัดเสียงรบกวนในระดับเริ่มต้นที่คุ้มค่ากับราคา Xiaomi Redmi Buds 3 Pro True Wireless เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ

4. Xiaomi Mi Earphones 2 Basic True Wireless

Xiaomi Mi Earphones 2 Basic True Wireless

หูฟังไร้สาย Xiaomi Mi Earphones 2 Basic True Wireless เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น ฟังเพลง คุยโทรศัพท์ เล่นเกม เป็นต้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังไร้สายที่สวใส่สบาย เสียงดี และสวมใส่ได้นานหลายชั่วโมง

ข้อดีของ Xiaomi Mi Earphones 2 Basic True Wireless

  • สวมใส่สบายหู น้ำหนักเบาเพียงข้างละ 4.7 กรัม
  • ไมโครโฟนคู่แบบ Beamforming รับเสียงพูดได้อย่างคมชัด ตัดเสียงแทรกได้อย่างดีด้วยระบบ ENC
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 5 ชั่วโมง เคสชาร์จเพิ่มได้อีกราวๆ 3 ครั้ง รวมแล้วใช้งานได้รวมกัน 20 ชั่วโมง

ข้อเสียของ Xiaomi Mi Earphones 2 Basic True Wireless

  • ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวน (ANC)
  • เสียงเบสอาจจะยังไม่แน่นเท่าหูฟังไร้สายรุ่นอื่นที่มีราคาสูงกว่า

5. Xiaomi Redmi Buds 3 True Wireless

Xiaomi Redmi Buds 3 True Wireless

หูฟัง Xiaomi Redmi Buds 3 True Wireless เป็นหูฟัง True Wireless ระดับเริ่มต้นจากแบรนด์ Xiaomi ที่เปิดตัวในปี 2022 โดยเน้นความง่ายมาเป็นจุดขาย ด้วย Body ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบารวมถึงการสวมใส่แบบ Earbud ทำให้สวมใส่สบายและกระชับหู

ด้านเสียง หูฟัง Redmi Buds 3 ใช้ Driver แบบ Dynamic ขนาด 12 มิลลิเมตร ที่ให้เสียงใสเคลียร์เป็นธรรมชาติ มีรายละเอียดและความชัดเจนมากๆ สำหรับหูฟังในระดับราคานี้ โดยย่านเสียงแหลมมีความคมชัด ย่านเสียงกลางมีความสมดุล และย่านเสียงเบสมีความหนักแน่น

นอกจากนี้ หูฟัง Redmi Buds 3 ยังมีระบบ Qualcomm cVc Echo Cancelling and Noise Suppression Technology ที่ช่วยลดเสียงแทรกขณะสนทนาโทรศัพท์ได้เป็นอย่างดี รับเสียงพูดได้อย่างคมชัดทุกการสนทนา

ข้อดีของ Xiaomi Redmi Buds 3 True Wireless

  • ขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย
  • เสียงใสเคลียร์ รายละเอียดและความชัดเจนดี
  • ระบบตัดเสียงรบกวนขณะสนทนาดี
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน
ข้อเสียของ Xiaomi Redmi Buds 3 True Wireless

  • กันน้ำได้แค่ระดับ IP54
  • ไม่มีระบบตัดเสียงรบกวน ANC

วิธีเลือกหูฟังไร้สาย Xiaomi รุ่นไหนดี พิจารณาจากอะไร ?

Xiaomi เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหูฟังไร้สายที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน มีให้เลือกหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีราคา คุณสมบัติ และจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป การเลือกซื้อหูฟังไร้สาย Xiaomi ให้ตรงกับความต้องการจึงเป็นเรื่องสำคัญ

1. เลือกให้เหมาะกับการใช้งาน

การเลือกหูฟังไร้สายให้เหมาะกับการใช้งานเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

1.หูฟังไร้สายสำหรับฟังเพลง

หูฟังไร้สายสำหรับฟังเพลงควรมีเสียงคุณภาพดี เบสหนักแน่น และให้เสียงกลางที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถเพลิดเพลินกับเสียงเพลงได้อย่างเต็มที่ ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อหูฟังไร้สายสำหรับฟังเพลง ได้แก่

  • คุณภาพเสียง พิจารณาจากย่านความถี่ที่รองรับ ความละเอียดเสียง และเทคโนโลยีเสียงต่างๆ เช่น DTS, Dolby Atmos เป็นต้น
  • สไตล์เสียง พิจารณาจากสไตล์เพลงที่ชอบ เช่น ต้องการเบสหนักแน่น เสียงกลางชัดเจน หรือเสียงแหลมใส เป็นต้น
  • การออกแบบ พิจารณาจากรูปทรง น้ำหนัก และความสบายในการสวมใส่

2.หูฟังไร้สายสำหรับเล่นเกม

หูฟังไร้สายสำหรับเล่นเกมควรมีโหมดเกมเพื่อช่วยลดดีเลย์ ทำให้เสียงและภาพตรงกัน ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อหูฟังไร้สายสำหรับเล่นเกม ได้แก่

  • ดีเลย์ พิจารณาจากค่าดีเลย์ในการส่งสัญญาณ
  • คุณภาพเสียง พิจารณาจากย่านความถี่ที่รองรับ ความละเอียดเสียง และเทคโนโลยีเสียงต่างๆ เช่น DTS, Dolby Atmos เป็นต้น
  • ไมโครโฟน พิจารณาจากคุณภาพเสียงไมโครโฟน และความชัดเจนในการรับเสียง

3.หูฟังไร้สายสำหรับออกกำลังกาย

หูฟังไร้สายสำหรับออกกำลังกายควรกันน้ำและกันเหงื่อได้ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยและทนทาน ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อหูฟังไร้สายสำหรับออกกำลังกาย ได้แก่

  • มาตรฐานกันน้ำและกันเหงื่อ พิจารณาจากมาตรฐานกันน้ำและกันเหงื่อ เช่น IPX4, IPX5, IPX6, IPX7, IPX8 เป็นต้น
  • การออกแบบ พิจารณาจากรูปทรง น้ำหนัก และความสบายในการสวมใส่

2. ความอึดของแบตเตอรี่

ความอึดของแบตเตอรี่เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อหูฟังไร้สาย Xiaomi โดยทั่วไปแล้ว หูฟังไร้สาย Xiaomi สามารถใช้งานได้นาน 4-6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ขึ้นอยู่กับรุ่นและการใช้งาน

ตัวอย่างเช่น หูฟังไร้สาย Xiaomi Redmi Buds 3 Lite สามารถใช้งานได้นาน 4 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และใช้งานได้นานสูงสุด 12 ชั่วโมงเมื่อรวมกับกล่องชาร์จ ในขณะที่หูฟังไร้สาย Xiaomi FlipBuds Pro สามารถใช้งานได้นาน 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และใช้งานได้นานสูงสุด 28 ชั่วโมงเมื่อรวมกับกล่องชาร์จ

หากต้องการใช้งานหูฟังไร้สายเป็นเวลานานต่อเนื่อง เช่น ฟังเพลงขณะเดินทางหรือทำงาน การเลือกหูฟังไร้สายที่มีแบตเตอรี่อึดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของหูฟังไร้สาย ได้แก่

  • ระดับเสียง ระดับเสียงที่สูงขึ้นจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น
  • โหมดการใช้งาน โหมดตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation) หรือโหมดเกมจะใช้พลังงานมากกว่าโหมดปกติ
  • สภาพแวดล้อมการใช้งาน สภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนสูงหรือมีคลื่นรบกวนจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น

3. มาตรฐานการรับส่งสัญญาณ

มาตรฐานการรับส่งสัญญาณเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อหูฟังไร้สาย Xiaomi มาตรฐาน Bluetooth ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ Bluetooth 5.0 และ Bluetooth 5.2

Bluetooth 5.0

Bluetooth 5.0 เป็นมาตรฐาน Bluetooth รุ่นล่าสุดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ให้การปรับปรุงประสิทธิภาพในการรับส่งสัญญาณหลายประการ ได้แก่

  • ความเร็วในการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
  • ระยะการรับส่งสัญญาณไกลขึ้นเป็น 2 เท่า
  • ประหยัดพลังงานมากขึ้น

Bluetooth 5.2

Bluetooth 5.2 เป็นมาตรฐาน Bluetooth รุ่นล่าสุดที่พัฒนาต่อจาก Bluetooth 5.0 ให้การปรับปรุงประสิทธิภาพในการรับส่งสัญญาณเพิ่มเติม ได้แก่

  • รองรับการสตรีมเสียงแบบ Low Energy (LE Audio) ซึ่งให้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น
  • รองรับช่องสัญญาณแบบ Isochronous ซึ่งช่วยให้สามารถซิงโครไนซ์เสียงและวิดีโอได้อย่างแม่นยำ
  • ดังนั้น หากต้องการหูฟังไร้สายที่มีระยะการรับส่งสัญญาณที่ไกลและมีประสิทธิภาพมากกว่า การเลือกหูฟังไร้สายที่รองรับมาตรฐาน Bluetooth 5.2 จึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อระยะการรับส่งสัญญาณของหูฟังไร้สาย ได้แก่

  • สภาพแวดล้อมการใช้งาน สภาพแวดล้อมที่มีสิ่งกีดขวางหรือมีคลื่นรบกวนจะทำให้ระยะการรับส่งสัญญาณสั้นลง
  • อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับหูฟังไร้สายควรรองรับมาตรฐาน Bluetooth เดียวกัน

4. ความสามารถในการกันฝุ่น/กันน้ำ

ความสามารถในการกันฝุ่นและกันน้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อหูฟังไร้สาย Xiaomi หูฟังไร้สาย Xiaomi บางรุ่นมีความสามารถในการกันฝุ่นและกันน้ำได้ โดยระดับความสามารถในการกันฝุ่นและกันน้ำจะระบุด้วยมาตรฐานสากลที่เรียกว่า IP Code

มาตรฐาน IP Code

มาตรฐาน IP Code เป็นมาตรฐานสากลที่กำหนดระดับความสามารถในการกันฝุ่นและกันน้ำของอุปกรณ์ต่างๆ โดยมาตรฐาน IP Code ประกอบด้วยตัวอักษรสองตัว ได้แก่

  • ตัวอักษรตัวแรก หมายถึงความสามารถในการกันฝุ่น โดยตัวอักษร “X” หมายถึง ไม่มีข้อมูล
  • ตัวอักษรตัวที่สอง หมายถึงความสามารถในการกันน้ำ โดยตัวอักษร “0” หมายถึง ไม่มีการป้องกัน

ตัวอย่างเช่น หูฟังไร้สาย Xiaomi Redmi Buds 3 Lite มีความสามารถในการกันฝุ่นและกันน้ำในระดับ IP54 โดยตัวอักษร “5” หมายถึง กันฝุ่นได้ในระดับที่ป้องกันฝุ่นละอองขนาดใหญ่ และตัวอักษร “4” หมายถึง กันน้ำได้ในระดับที่ป้องกันน้ำกระเซ็นจากทุกทิศทาง

หากต้องการใช้งานหูฟังไร้สายในสภาพอากาศที่ชื้นหรือฝนตก การเลือกหูฟังไร้สายที่มีความสามารถในการกันฝุ่นและกันน้ำจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อความสามารถในการกันฝุ่นและกันน้ำของหูฟังไร้สาย ได้แก่

  • การออกแบบ การออกแบบหูฟังไร้สายที่มีช่องว่างน้อยหรือปิดสนิทจะช่วยเพิ่มความสามารถในการกันฝุ่นและกันน้ำ
  • วัสดุที่ใช้ผลิต วัสดุที่ใช้ผลิตหูฟังไร้สาย เช่น ซิลิโคน หรือยาง จะช่วยเพิ่มความสามารถในการกันฝุ่นและกันน้ำ

5. เลือกฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนเป็นส่วนเสริม

ฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation) เป็นฟังก์ชั่นเสริมที่ช่วยให้หูฟังไร้สายมีประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนรอบข้างได้ดีขึ้น ฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนมีอยู่ในหูฟังไร้สาย Xiaomi บางรุ่นเท่านั้น

ฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนทำงานโดยใช้ไมโครโฟนในตัวหูฟังเพื่อรับเสียงรบกวนรอบข้าง จากนั้นจึงสร้างคลื่นเสียงที่ตรงกันข้ามกับเสียงรบกวนนั้น เพื่อหักล้างเสียงรบกวนออกไป ทำให้สามารถได้ยินเสียงเพลงหรือเสียงสนทนาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

หากต้องการใช้งานหูฟังไร้สายเพื่อตัดเสียงรบกวนรอบข้าง การเลือกหูฟังไร้สายที่มีฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม ฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนก็มีข้อจำกัดบางประการ เช่น

  • การใช้พลังงาน ฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวนจะใช้พลังงานมากกว่าโหมดปกติ ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น
  • ประสิทธิภาพ ประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและระดับเสียงรบกวนรอบข้าง

จึงควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ประกอบกันในการเลือกซื้อหูฟังไร้สาย Xiaomi ที่มีฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวน

สรุป

Xiaomi เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหูฟังไร้สายรายใหญ่ที่สุดในโลก หากคุณต้องการหูฟังไร้สายที่มีคุณภาพดีราคาไม่แพง Xiaomi เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม มีหูฟังหลากหลายรุ่นให้เลือกซึ่งเหมาะกับทุกความต้องการ

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง