เว็บไซต์รวบรวมสินค้า Xiaomi ครบวงจร

5 อันดับลู่วิ่ง Xiaomi รุ่นไหนดี ? คุณภาพน่าซื้อ ราคาไม่แพง เพื่อคนรักสุขภาพ

ลู่วิ่ง Xiaomi Treadmill

5 อันดับลู่วิ่ง Xiaomi รุ่นไหนดี ? แห่งปี 2023

ปัจจุบันการออกกำลังกายบนลู่วิ่งถือว่ามีความสะดวกสบายเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถติดตั้งได้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังประหยัดเวลา ไม่ต้องไปเล่นถึงฟิตเนส ซื้อมาเล่นที่บ้าน ราคาไม่แพง มีให้เลือกหลากหลายราคาด้วยกัน ในวันนี้ Xiaomi Thailand จะพาทุกท่านไปติดตาม 5 อันดับลู่วิ่ง Xiaomi รุ่นไหนดี คุณภาพน่าซื้อ ที่ได้รวบรวมไว้เป็นอย่างดี เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจซื้อลู่วิ่งสักเครื่อง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปติดตามกันเลย

1. Xiaomi Kingsmith K15

Xiaomi Kingsmith K15

Xiaomi Kingsmith K15 เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติครบครันและใช้งานสะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาลู่วิ่งไฟฟ้าคุณภาพดีในราคาย่อมเยา

ข้อดีของ Xiaomi Kingsmith K15

  • การเชื่อมต่อ Wi-Fi ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนมือถือเพื่อควบคุมความเร็ว ระยะทาง เวลา และข้อมูลการออกกำลังกายอื่นๆ ได้
  • สามารถพับเก็บได้ ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอยและสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
  • มีตัวกันกระแทก ช่วยปกป้องข้อต่อและกระดูกสันหลังจากการกระแทก
  • รับน้ำหนักสูงสุด 110 กก. เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
  • มอเตอร์ทำงานเงียบ เพียง 60 เดซิเบล
  • มีล้อลาก ช่วยให้เคลื่อนย้ายได้ง่าย
  • มีปุ่ม Safety Clip ปุ่มหยุดฉุกเฉิน
  • ปรับได้ถึง 3 โหมด ความเร็วสูงสุด 15 กม./ชม.
  • หน้าจอ LED บอกค่าการออกกำลังกายชัดเจน
  • มีที่วางมือถือ แท็บเล็ต

ข้อเสียของ Xiaomi Kingsmith K15

  • พื้นที่วิ่งกว้างเพียง 48 ซม. อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้งานที่มีรูปร่างสูงใหญ่
  • ความเร็วสูงสุดเพียง 15 กม./ชม. อาจไม่เพียงพอสำหรับนักวิ่งที่ต้องการความเข้มข้นสูง

2. Xiaomi Amazfit Airrun

Xiaomi Amazfit Airrun

Xiaomi Amazfit Airrun เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าแบบพับเก็บได้ ผลิตโดยบริษัท Xiaomi ของประเทศจีน เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2565

คุณสมบัติเด่นของ Xiaomi Amazfit Airrun มีดังนี้

  • มอเตอร์ High Torque 1.25 HP ที่ให้ความเร็วสูงสุด 15 กม./ชม.
  • พื้นที่วิ่ง 50 x 130 ซม. รองรับผู้ใช้น้ำหนักสูงสุด 120 กก.
  • สามารถพับเก็บได้ภายใน 5 วินาที
  • มีลำโพง JBL ที่ให้คุณภาพเสียงดีที่สุดในตลาด
  • เชื่อมต่อ ZWIFT เกมวิ่งออนไลน์ได้

Xiaomi Amazfit Airrun เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลู่วิ่งไฟฟ้าที่ประหยัดพื้นที่ พกพาสะดวก และใช้งานง่าย โดยสามารถพับเก็บได้ภายใน 5 วินาที ทำให้สามารถเก็บไว้ในมุมแคบๆ หรือเคลื่อนย้ายไปมาได้ง่าย นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อกับนาฬิกาอัจฉริยะ Amazfit เพื่อแสดงข้อมูลการออกกำลังกายต่างๆ บนหน้าจอนาฬิกาได้อีกด้วย

3. Xiaomi WalkingPad A1 Pro

Xiaomi WalkingPad A1 Pro

ลู่วิ่ง Xiaomi WalkingPad A1 Pro เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาลู่วิ่งที่ใช้งานง่าย ประหยัดพื้นที่ และสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก

ข้อดีของ Xiaomi WalkingPad A1 Pro มีดังนี้

  • มอเตอร์แบบไร้แปรงถ่าน ทำงานเงียบและทนทานกว่ามอเตอร์แบบมีแปรงถ่าน
  • ความเร็วสูงสุด 12 km/h รองรับการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ
  • พื้นที่วิ่งกว้าง 120 x 40 cm รองรับผู้ใช้ที่มีน้ำหนักสูงสุด 120 kg
  • พับเก็บได้ 180 องศา ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ
  • มีแผงไฟ LED แสดงข้อมูลการออกกำลังกาย เช่น ความเร็ว ระยะทาง แคลอรี่ที่เผาผลาญ เป็นต้น
  • มีรีโมทคอนโทรล ปรับความเร็วและฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างสะดวก

ข้อเสียของ Xiaomi WalkingPad A1 Pro มีดังนี้

  • ไม่สามารถปรับความชันได้
  • ความเร็วสูงสุดอาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบเข้มข้น

4. Xiaomi Kingsmith K12

Xiaomi Kingsmith K12

ลู่วิ่งไฟฟ้า Xiaomi Kingsmith K12 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบง่ายๆ ที่บ้าน ที่ต้องการลู่วิ่งที่ประหยัดพื้นที่ ใช้งานสะดวก เคลื่อนย้ายง่าย และราคาไม่แพงครับ

ข้อดีของ Xiaomi Kingsmith K12

  • โครงสร้างแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบาเพียง 33 กิโลกรัม
  • ดีไซน์สวยงาม เรียบง่าย ขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่
  • พับเก็บได้สะดวกรวดเร็ว เพียงแค่พับราวจับขึ้น-ลง
  • มีล้อเลื่อนช่วยให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก
  • รองรับการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
  • มอเตอร์กำลัง 3 แรงม้า ความเร็ว 0.8-12 กม./ชม.
  • ระบบลู่วิ่งยืดหยุ่น รองรับแรงกระแทก
  • ระบบ vAuto ความเร็วเครื่องเปลี่ยนตามความเร็วที่วิ่ง
  • รับน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม
  • ควบคุมการทำงานด้วยรีโมทคอนโทรลพร้อมหน้าจอ LED
  • ประหยัดพลังงาน เสียงเงียบเพียง 60 db.

ข้อเสียของ Xiaomi Kingsmith K12

  • ความเร็วสูงสุดเพียง 12 กม./ชม. อาจไม่เพียงพอสำหรับนักวิ่งที่มีความฟิตสูง
  • ระบบมอเตอร์อาจไม่ทนทานเท่าลู่วิ่งไฟฟ้าแบบเต็มตัว

5. Xiaomi Youpin Walking Pad C1

Xiaomi Youpin Walking Pad C1

Xiaomi Youpin Walking Pad C1 เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาลู่วิ่งไฟฟ้าชนิดพกพา เน้นใช้งานสะดวก พับเก็บได้ ไม่ต้องตั้งทิ้งไว้ตลอดเวลา ช่วยให้คุณได้ออกกำลังกายในแบบที่ตนเองต้องการ

ข้อดีของ Xiaomi Youpin Walking Pad C1

  • พับเก็บได้ ทำให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บ เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด
  • ควบคุมการใช้งานผ่านรีโมทคอนโทรล และผ่านแอป Mi Home App ได้ ทำให้ใช้งานง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
  • วัสดุทำจากโลหะอย่างดี แข็งแรงทนทาน
  • ความเร็วสูงสุด 6 กม./ชม. เพียงพอสำหรับการออกกำลังกายแบบเบา ๆ ถึงปานกลาง
  • แสดงค่าแบบ LED บนเครื่อง ทำให้มองเห็นข้อมูลได้ง่าย

ข้อเสียของ Xiaomi Youpin Walking Pad C1

  • ความเร็วสูงสุดไม่สูงมากนัก เหมาะสำหรับการออกกำลังกายแบบเบา ๆ ถึงปานกลาง
  • น้ำหนักค่อนข้างมาก 28 กก.

วิธีเลือกซื้อลู่วิ่ง Xiaomi รุ่นไหนดี ควรเลือกอย่างไร ?

ลู่วิ่งXiaomi มีให้เลือกหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีจุดเด่นและเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ในการเลือกลู่วิ่ง Xiaomi ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

1. ประเภทของลู่วิ่ง

ประเภทของลู่วิ่ง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ลู่วิ่งไฟฟ้าและลู่วิ่งสปริง

1.ลู่วิ่งไฟฟ้า

ลู่วิ่งไฟฟ้ามีมอเตอร์ที่ช่วยในการขับเคลื่อนสายพาน ทำให้สามารถปรับความเร็วได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบหนัก ๆ เช่น วิ่งออกกำลังกาย ฝึกซ้อมวิ่งระยะไกล หรือเล่นกีฬาประเภทอื่น ๆ บนลู่วิ่ง เช่น เทนนิส แบดมินตัน เป็นต้น

ข้อดีของลู่วิ่งไฟฟ้า

  • สามารถปรับความเร็วได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบหนัก ๆ
  • มีฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ เช่น หน้าจอแสดงผล การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โปรแกรมการออกกำลังกายอัตโนมัติ เป็นต้น

ข้อเสียของลู่วิ่งไฟฟ้า

  • ราคาสูงกว่าลู่วิ่งสปริง
  • ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน
  • อาจมีเสียงดังรบกวน

2.ลู่วิ่งสปริง

ลู่วิ่งสปริงจะไม่มีมอเตอร์ อาศัยแรงเหวี่ยงของสายพานในการขับเคลื่อน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น เดินออกกำลังกาย เดินเร็ว เป็นต้น

ข้อดีของลู่วิ่งสปริง

  • ราคาต่ำกว่าลู่วิ่งไฟฟ้า
  • ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน
  • เสียงเงียบกว่าลู่วิ่งไฟฟ้า

ข้อเสียของลู่วิ่งสปริง

  • ไม่สามารถปรับความเร็วได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบเบา ๆ
  • ไม่มีฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ เช่น หน้าจอแสดงผล การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โปรแกรมการออกกำลังกายอัตโนมัติ เป็นต้น

ดังนั้น การเลือกประเภทของลู่วิ่งควรพิจารณาจากความต้องการในการใช้งานเป็นหลัก หากต้องการออกกำลังกายแบบหนัก ๆ ควรเลือกลู่วิ่งไฟฟ้า แต่ถ้าต้องการออกกำลังกายแบบเบา ๆ ลู่วิ่งสปริงก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

2. ความเร็วสูงสุด

ความเร็วสูงสุดของลู่วิ่ง ในปัจจุบันมีตั้งแต่ 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปจนถึง 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยความเร็วสูงสุดที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการออกกำลังกายเป็นหลัก

สำหรับผู้ที่ต้องการเดินออกกำลังกาย ความเร็วสูงสุดที่เพียงพอควรอยู่ที่ประมาณ 4-6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนผู้ที่ต้องการวิ่งออกกำลังกาย ความเร็วสูงสุดที่เพียงพอควรอยู่ที่ประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ความเร็วที่สูงขึ้นจะช่วยให้ผู้ออกกำลังกายสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น และพัฒนาทักษะการวิ่งได้ดีขึ้น

ดังนั้น หากต้องการเลือกลู่วิ่ง สำหรับวิ่งออกกำลังกาย ควรเลือกลู่วิ่งที่มีความเร็วสูงสุดอย่างน้อย 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป เพื่อให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ตัวอย่างลู่วิ่ง xiaomi ที่มีความเร็วสูงสุด 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ได้แก่

  • Kingsmith K12
  • Kingsmith Walkingpad A1
  • Kingsmith Walkingpad R1 Pro

ทั้งนี้ ความเร็วสูงสุดของลู่วิ่งยังสามารถปรับได้ตามความต้องการในขณะออกกำลังกาย ดังนั้น หากต้องการวิ่งออกกำลังกายด้วยความเร็วที่มากกว่า 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็สามารถปรับความเร็วให้สูงขึ้นได้ตามความเหมาะสม

3. ขนาดของสายพาน

ขนาดของสายพานลู่วิ่งมีผลต่อความสะดวกสบายในการวิ่ง โดยสายพานที่กว้างจะช่วยให้ผู้วิ่งมีพื้นที่ในการวิ่งได้อย่างสบาย ๆ ไม่รู้สึกอึดอัดหรือติดขัด

โดยทั่วไป ขนาดของสายพานลู่วิ่งที่เหมาะสมสำหรับการวิ่งออกกำลังกายควรมีขนาดกว้างอย่างน้อย 40 เซนติเมตรขึ้นไป เพื่อให้ผู้วิ่งที่มีช่วงขายาวสามารถวิ่งได้อย่างสบาย ๆ อย่างไรก็ตาม หากผู้วิ่งมีช่วงขาสั้นกว่า 40 เซนติเมตร ก็สามารถใช้ลู่วิ่งที่มีสายพานขนาดแคบกว่าได้เช่นกัน

นอกจากขนาดความกว้างแล้ว ขนาดความยาวของสายพานก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยสายพานที่ยาวจะช่วยให้ผู้วิ่งสามารถวิ่งได้ต่อเนื่องโดยไม่รู้สึกสะดุด อย่างไรก็ตาม สายพานที่ยาวเกินไปอาจทำให้ลู่วิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นและเคลื่อนย้ายได้ยากขึ้น

ดังนั้น การเลือกขนาดของสายพานลู่วิ่งควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความต้องการในการใช้งาน ความสูงและช่วงขาของผู้ใช้งาน เป็นต้น

ตัวอย่างลู่วิ่ง xiaomi ที่มีขนาดสายพานกว้างอย่างน้อย 40 เซนติเมตร ได้แก่

  • Kingsmith K12
  • Kingsmith Walkingpad A1
  • Kingsmith Walkingpad R1 Pro

ทั้งนี้ ลู่วิ่งบางรุ่นอาจมีสายพานที่กว้างกว่า 40 เซนติเมตร เช่น ลู่วิ่ง Kingsmith Walkingpad R1 Pro ที่มีสายพานกว้าง 52 เซนติเมตร ซึ่งจะช่วยให้ผู้วิ่งที่มีช่วงขายาวสามารถวิ่งได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น

4. ระบบรองรับแรงกระแทก

ระบบรองรับแรงกระแทกแบบสปริง เป็นระบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับลู่วิ่งไฟฟ้า ทำงานโดยอาศัยสปริงหรือยางยืดเป็นตัวดูดซับแรงกระแทกจากการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน ลู่วิ่งที่ใช้ระบบรองรับแรงกระแทกแบบสปริงจะมีความนุ่มนวลกว่าแบบแผ่นยาง จึงเหมาะกับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวมากหรือมีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่า

ระบบรองรับแรงกระแทกแบบแผ่นยาง เป็นระบบที่ได้รับความนิยมรองลงมาสำหรับลู่วิ่งไฟฟ้า ทำงานโดยอาศัยแผ่นยางเป็นตัวดูดซับแรงกระแทกจากการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน ลู่วิ่งที่ใช้ระบบรองรับแรงกระแทกแบบแผ่นยางจะมีความแข็งกว่าแบบสปริง จึงเหมาะกับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวน้อยและต้องการความสมจริงในการวิ่ง

ทั้งระบบรองรับแรงกระแทกแบบสปริงและแบบแผ่นยางต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป การเลือกระบบรองรับแรงกระแทกที่เหมาะสมจึงควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น น้ำหนักตัวของผู้ใช้งาน ระดับความฟิตของผู้ใช้งาน และปัญหาสุขภาพต่างๆ

5. แรงม้า

แรงม้าของลู่วิ่งไฟฟ้า หมายถึง กำลังของมอเตอร์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนสายพานให้เคลื่อนที่ แรงม้าที่มากขึ้น จะทำให้สายพานเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นและราบเรียบมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวมากหรือต้องการวิ่งด้วยความเร็วสูง

โดยทั่วไปแล้ว ลู่วิ่งไฟฟ้าจะมีแรงม้าตั้งแต่ 1.5 แรงม้า ไปจนถึง 3 แรงม้า ลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีแรงม้า 1.5 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 70 กิโลกรัม ที่ต้องการวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีแรงม้า 2 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 90 กิโลกรัม ที่ต้องการวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีแรงม้า 3 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 120 กิโลกรัม ที่ต้องการวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

หากต้องการเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีแรงม้าที่เหมาะสม ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น น้ำหนักตัวของผู้ใช้งาน ระดับความฟิตของผู้ใช้งาน และความต้องการในการใช้งาน

สำหรับลู่วิ่ง Xiaomi ส่วนใหญ่จะมีแรงม้าตั้งแต่ 1.5 แรงม้า ไปจนถึง 3 แรงม้า ขึ้นอยู่กับรุ่นและคุณสมบัติของลู่วิ่ง ตัวอย่างเช่น

  • Xiaomi Kingsmith K12 มีแรงม้า 3 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 100 กิโลกรัม ที่ต้องการวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • Xiaomi Kingsmith F1 มีแรงม้า 1.5 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 70 กิโลกรัม ที่ต้องการวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

การเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีแรงม้าที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย

สรุป

การเลือกลู่วิ่ง Xiaomi ที่เหมาะสมกับตนเองจะช่วยให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ทีมงานหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความแนะนำสินค้า 5 อันดับลู่วิ่ง Xiaomi รุ่นไหนดี คุณภาพน่าซื้อ ราคาไม่แพง เพื่อคนรักสุขภาพ มีส่วนช่วยในการตัดสินใจซื้อลู่วิ่งของท่าน ให้ตรงกับความต้องการและวัตถุประสงค์ในการใช้งาน

สารบัญ