5 อันดับลู่วิ่ง Xiaomi รุ่นไหนดี ? แห่งปี 2023
1. Xiaomi Kingsmith K15
![Xiaomi Kingsmith K15](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/12/Xiaomi-Kingsmith-K15.png)
Xiaomi Kingsmith K15 เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติครบครันและใช้งานสะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาลู่วิ่งไฟฟ้าคุณภาพดีในราคาย่อมเยา
ข้อดีของ Xiaomi Kingsmith K15
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนมือถือเพื่อควบคุมความเร็ว ระยะทาง เวลา และข้อมูลการออกกำลังกายอื่นๆ ได้
- สามารถพับเก็บได้ ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอยและสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย
- มีตัวกันกระแทก ช่วยปกป้องข้อต่อและกระดูกสันหลังจากการกระแทก
- รับน้ำหนักสูงสุด 110 กก. เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป
- มอเตอร์ทำงานเงียบ เพียง 60 เดซิเบล
- มีล้อลาก ช่วยให้เคลื่อนย้ายได้ง่าย
- มีปุ่ม Safety Clip ปุ่มหยุดฉุกเฉิน
- ปรับได้ถึง 3 โหมด ความเร็วสูงสุด 15 กม./ชม.
- หน้าจอ LED บอกค่าการออกกำลังกายชัดเจน
- มีที่วางมือถือ แท็บเล็ต
ข้อเสียของ Xiaomi Kingsmith K15
- พื้นที่วิ่งกว้างเพียง 48 ซม. อาจไม่เหมาะกับผู้ใช้งานที่มีรูปร่างสูงใหญ่
- ความเร็วสูงสุดเพียง 15 กม./ชม. อาจไม่เพียงพอสำหรับนักวิ่งที่ต้องการความเข้มข้นสูง
2. Xiaomi Amazfit Airrun
![Xiaomi Amazfit Airrun](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/12/Xiaomi-Amazfit-Airrun.png)
Xiaomi Amazfit Airrun เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าแบบพับเก็บได้ ผลิตโดยบริษัท Xiaomi ของประเทศจีน เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2565
คุณสมบัติเด่นของ Xiaomi Amazfit Airrun มีดังนี้
- มอเตอร์ High Torque 1.25 HP ที่ให้ความเร็วสูงสุด 15 กม./ชม.
- พื้นที่วิ่ง 50 x 130 ซม. รองรับผู้ใช้น้ำหนักสูงสุด 120 กก.
- สามารถพับเก็บได้ภายใน 5 วินาที
- มีลำโพง JBL ที่ให้คุณภาพเสียงดีที่สุดในตลาด
- เชื่อมต่อ ZWIFT เกมวิ่งออนไลน์ได้
Xiaomi Amazfit Airrun เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลู่วิ่งไฟฟ้าที่ประหยัดพื้นที่ พกพาสะดวก และใช้งานง่าย โดยสามารถพับเก็บได้ภายใน 5 วินาที ทำให้สามารถเก็บไว้ในมุมแคบๆ หรือเคลื่อนย้ายไปมาได้ง่าย นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อกับนาฬิกาอัจฉริยะ Amazfit เพื่อแสดงข้อมูลการออกกำลังกายต่างๆ บนหน้าจอนาฬิกาได้อีกด้วย
3. Xiaomi WalkingPad A1 Pro
![Xiaomi WalkingPad A1 Pro](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/12/Xiaomi-WalkingPad-A1-Pro.png)
ลู่วิ่ง Xiaomi WalkingPad A1 Pro เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาลู่วิ่งที่ใช้งานง่าย ประหยัดพื้นที่ และสามารถพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก
ข้อดีของ Xiaomi WalkingPad A1 Pro มีดังนี้
- มอเตอร์แบบไร้แปรงถ่าน ทำงานเงียบและทนทานกว่ามอเตอร์แบบมีแปรงถ่าน
- ความเร็วสูงสุด 12 km/h รองรับการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ
- พื้นที่วิ่งกว้าง 120 x 40 cm รองรับผู้ใช้ที่มีน้ำหนักสูงสุด 120 kg
- พับเก็บได้ 180 องศา ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ
- มีแผงไฟ LED แสดงข้อมูลการออกกำลังกาย เช่น ความเร็ว ระยะทาง แคลอรี่ที่เผาผลาญ เป็นต้น
- มีรีโมทคอนโทรล ปรับความเร็วและฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างสะดวก
ข้อเสียของ Xiaomi WalkingPad A1 Pro มีดังนี้
- ไม่สามารถปรับความชันได้
- ความเร็วสูงสุดอาจไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบเข้มข้น
4. Xiaomi Kingsmith K12
![Xiaomi Kingsmith K12](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/12/Xiaomi-Kingsmith-K12.png)
ลู่วิ่งไฟฟ้า Xiaomi Kingsmith K12 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบง่ายๆ ที่บ้าน ที่ต้องการลู่วิ่งที่ประหยัดพื้นที่ ใช้งานสะดวก เคลื่อนย้ายง่าย และราคาไม่แพงครับ
ข้อดีของ Xiaomi Kingsmith K12
- โครงสร้างแข็งแรง ทนทาน น้ำหนักเบาเพียง 33 กิโลกรัม
- ดีไซน์สวยงาม เรียบง่าย ขนาดกะทัดรัด ประหยัดพื้นที่
- พับเก็บได้สะดวกรวดเร็ว เพียงแค่พับราวจับขึ้น-ลง
- มีล้อเลื่อนช่วยให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก
- รองรับการใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
- มอเตอร์กำลัง 3 แรงม้า ความเร็ว 0.8-12 กม./ชม.
- ระบบลู่วิ่งยืดหยุ่น รองรับแรงกระแทก
- ระบบ vAuto ความเร็วเครื่องเปลี่ยนตามความเร็วที่วิ่ง
- รับน้ำหนักได้ถึง 100 กิโลกรัม
- ควบคุมการทำงานด้วยรีโมทคอนโทรลพร้อมหน้าจอ LED
- ประหยัดพลังงาน เสียงเงียบเพียง 60 db.
ข้อเสียของ Xiaomi Kingsmith K12
- ความเร็วสูงสุดเพียง 12 กม./ชม. อาจไม่เพียงพอสำหรับนักวิ่งที่มีความฟิตสูง
- ระบบมอเตอร์อาจไม่ทนทานเท่าลู่วิ่งไฟฟ้าแบบเต็มตัว
5. Xiaomi Youpin Walking Pad C1
![Xiaomi Youpin Walking Pad C1](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/12/Xiaomi-Youpin-Walking-Pad-C1.png)
Xiaomi Youpin Walking Pad C1 เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาลู่วิ่งไฟฟ้าชนิดพกพา เน้นใช้งานสะดวก พับเก็บได้ ไม่ต้องตั้งทิ้งไว้ตลอดเวลา ช่วยให้คุณได้ออกกำลังกายในแบบที่ตนเองต้องการ
ข้อดีของ Xiaomi Youpin Walking Pad C1
- พับเก็บได้ ทำให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายและจัดเก็บ เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด
- ควบคุมการใช้งานผ่านรีโมทคอนโทรล และผ่านแอป Mi Home App ได้ ทำให้ใช้งานง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
- วัสดุทำจากโลหะอย่างดี แข็งแรงทนทาน
- ความเร็วสูงสุด 6 กม./ชม. เพียงพอสำหรับการออกกำลังกายแบบเบา ๆ ถึงปานกลาง
- แสดงค่าแบบ LED บนเครื่อง ทำให้มองเห็นข้อมูลได้ง่าย
ข้อเสียของ Xiaomi Youpin Walking Pad C1
- ความเร็วสูงสุดไม่สูงมากนัก เหมาะสำหรับการออกกำลังกายแบบเบา ๆ ถึงปานกลาง
- น้ำหนักค่อนข้างมาก 28 กก.
วิธีเลือกซื้อลู่วิ่ง Xiaomi รุ่นไหนดี ควรเลือกอย่างไร ?
ลู่วิ่งXiaomi มีให้เลือกหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีจุดเด่นและเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ในการเลือกลู่วิ่ง Xiaomi ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
1. ประเภทของลู่วิ่ง
ประเภทของลู่วิ่ง แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ลู่วิ่งไฟฟ้าและลู่วิ่งสปริง
1.ลู่วิ่งไฟฟ้า
ลู่วิ่งไฟฟ้ามีมอเตอร์ที่ช่วยในการขับเคลื่อนสายพาน ทำให้สามารถปรับความเร็วได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบหนัก ๆ เช่น วิ่งออกกำลังกาย ฝึกซ้อมวิ่งระยะไกล หรือเล่นกีฬาประเภทอื่น ๆ บนลู่วิ่ง เช่น เทนนิส แบดมินตัน เป็นต้น
ข้อดีของลู่วิ่งไฟฟ้า
- สามารถปรับความเร็วได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบหนัก ๆ
- มีฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ เช่น หน้าจอแสดงผล การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โปรแกรมการออกกำลังกายอัตโนมัติ เป็นต้น
ข้อเสียของลู่วิ่งไฟฟ้า
- ราคาสูงกว่าลู่วิ่งสปริง
- ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน
- อาจมีเสียงดังรบกวน
2.ลู่วิ่งสปริง
ลู่วิ่งสปริงจะไม่มีมอเตอร์ อาศัยแรงเหวี่ยงของสายพานในการขับเคลื่อน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบเบา ๆ เช่น เดินออกกำลังกาย เดินเร็ว เป็นต้น
ข้อดีของลู่วิ่งสปริง
- ราคาต่ำกว่าลู่วิ่งไฟฟ้า
- ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน
- เสียงเงียบกว่าลู่วิ่งไฟฟ้า
ข้อเสียของลู่วิ่งสปริง
- ไม่สามารถปรับความเร็วได้อย่างต่อเนื่องและแม่นยำ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายแบบเบา ๆ
- ไม่มีฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ เช่น หน้าจอแสดงผล การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน โปรแกรมการออกกำลังกายอัตโนมัติ เป็นต้น
ดังนั้น การเลือกประเภทของลู่วิ่งควรพิจารณาจากความต้องการในการใช้งานเป็นหลัก หากต้องการออกกำลังกายแบบหนัก ๆ ควรเลือกลู่วิ่งไฟฟ้า แต่ถ้าต้องการออกกำลังกายแบบเบา ๆ ลู่วิ่งสปริงก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน
2. ความเร็วสูงสุด
ความเร็วสูงสุดของลู่วิ่ง ในปัจจุบันมีตั้งแต่ 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปจนถึง 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยความเร็วสูงสุดที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการออกกำลังกายเป็นหลัก
สำหรับผู้ที่ต้องการเดินออกกำลังกาย ความเร็วสูงสุดที่เพียงพอควรอยู่ที่ประมาณ 4-6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนผู้ที่ต้องการวิ่งออกกำลังกาย ความเร็วสูงสุดที่เพียงพอควรอยู่ที่ประมาณ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ความเร็วที่สูงขึ้นจะช่วยให้ผู้ออกกำลังกายสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น และพัฒนาทักษะการวิ่งได้ดีขึ้น
ดังนั้น หากต้องการเลือกลู่วิ่ง สำหรับวิ่งออกกำลังกาย ควรเลือกลู่วิ่งที่มีความเร็วสูงสุดอย่างน้อย 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป เพื่อให้สามารถออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ตัวอย่างลู่วิ่ง xiaomi ที่มีความเร็วสูงสุด 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ได้แก่
- Kingsmith K12
- Kingsmith Walkingpad A1
- Kingsmith Walkingpad R1 Pro
ทั้งนี้ ความเร็วสูงสุดของลู่วิ่งยังสามารถปรับได้ตามความต้องการในขณะออกกำลังกาย ดังนั้น หากต้องการวิ่งออกกำลังกายด้วยความเร็วที่มากกว่า 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็สามารถปรับความเร็วให้สูงขึ้นได้ตามความเหมาะสม
3. ขนาดของสายพาน
ขนาดของสายพานลู่วิ่งมีผลต่อความสะดวกสบายในการวิ่ง โดยสายพานที่กว้างจะช่วยให้ผู้วิ่งมีพื้นที่ในการวิ่งได้อย่างสบาย ๆ ไม่รู้สึกอึดอัดหรือติดขัด
โดยทั่วไป ขนาดของสายพานลู่วิ่งที่เหมาะสมสำหรับการวิ่งออกกำลังกายควรมีขนาดกว้างอย่างน้อย 40 เซนติเมตรขึ้นไป เพื่อให้ผู้วิ่งที่มีช่วงขายาวสามารถวิ่งได้อย่างสบาย ๆ อย่างไรก็ตาม หากผู้วิ่งมีช่วงขาสั้นกว่า 40 เซนติเมตร ก็สามารถใช้ลู่วิ่งที่มีสายพานขนาดแคบกว่าได้เช่นกัน
นอกจากขนาดความกว้างแล้ว ขนาดความยาวของสายพานก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยสายพานที่ยาวจะช่วยให้ผู้วิ่งสามารถวิ่งได้ต่อเนื่องโดยไม่รู้สึกสะดุด อย่างไรก็ตาม สายพานที่ยาวเกินไปอาจทำให้ลู่วิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นและเคลื่อนย้ายได้ยากขึ้น
ดังนั้น การเลือกขนาดของสายพานลู่วิ่งควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความต้องการในการใช้งาน ความสูงและช่วงขาของผู้ใช้งาน เป็นต้น
ตัวอย่างลู่วิ่ง xiaomi ที่มีขนาดสายพานกว้างอย่างน้อย 40 เซนติเมตร ได้แก่
- Kingsmith K12
- Kingsmith Walkingpad A1
- Kingsmith Walkingpad R1 Pro
ทั้งนี้ ลู่วิ่งบางรุ่นอาจมีสายพานที่กว้างกว่า 40 เซนติเมตร เช่น ลู่วิ่ง Kingsmith Walkingpad R1 Pro ที่มีสายพานกว้าง 52 เซนติเมตร ซึ่งจะช่วยให้ผู้วิ่งที่มีช่วงขายาวสามารถวิ่งได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
4. ระบบรองรับแรงกระแทก
ระบบรองรับแรงกระแทกแบบสปริง เป็นระบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับลู่วิ่งไฟฟ้า ทำงานโดยอาศัยสปริงหรือยางยืดเป็นตัวดูดซับแรงกระแทกจากการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน ลู่วิ่งที่ใช้ระบบรองรับแรงกระแทกแบบสปริงจะมีความนุ่มนวลกว่าแบบแผ่นยาง จึงเหมาะกับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวมากหรือมีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่า
ระบบรองรับแรงกระแทกแบบแผ่นยาง เป็นระบบที่ได้รับความนิยมรองลงมาสำหรับลู่วิ่งไฟฟ้า ทำงานโดยอาศัยแผ่นยางเป็นตัวดูดซับแรงกระแทกจากการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน ลู่วิ่งที่ใช้ระบบรองรับแรงกระแทกแบบแผ่นยางจะมีความแข็งกว่าแบบสปริง จึงเหมาะกับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวน้อยและต้องการความสมจริงในการวิ่ง
ทั้งระบบรองรับแรงกระแทกแบบสปริงและแบบแผ่นยางต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป การเลือกระบบรองรับแรงกระแทกที่เหมาะสมจึงควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น น้ำหนักตัวของผู้ใช้งาน ระดับความฟิตของผู้ใช้งาน และปัญหาสุขภาพต่างๆ
5. แรงม้า
แรงม้าของลู่วิ่งไฟฟ้า หมายถึง กำลังของมอเตอร์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนสายพานให้เคลื่อนที่ แรงม้าที่มากขึ้น จะทำให้สายพานเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นและราบเรียบมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวมากหรือต้องการวิ่งด้วยความเร็วสูง
โดยทั่วไปแล้ว ลู่วิ่งไฟฟ้าจะมีแรงม้าตั้งแต่ 1.5 แรงม้า ไปจนถึง 3 แรงม้า ลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีแรงม้า 1.5 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 70 กิโลกรัม ที่ต้องการวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีแรงม้า 2 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 90 กิโลกรัม ที่ต้องการวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีแรงม้า 3 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 120 กิโลกรัม ที่ต้องการวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หากต้องการเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีแรงม้าที่เหมาะสม ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น น้ำหนักตัวของผู้ใช้งาน ระดับความฟิตของผู้ใช้งาน และความต้องการในการใช้งาน
สำหรับลู่วิ่ง Xiaomi ส่วนใหญ่จะมีแรงม้าตั้งแต่ 1.5 แรงม้า ไปจนถึง 3 แรงม้า ขึ้นอยู่กับรุ่นและคุณสมบัติของลู่วิ่ง ตัวอย่างเช่น
- Xiaomi Kingsmith K12 มีแรงม้า 3 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 100 กิโลกรัม ที่ต้องการวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- Xiaomi Kingsmith F1 มีแรงม้า 1.5 แรงม้า เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่มีน้ำหนักตัวไม่เกิน 70 กิโลกรัม ที่ต้องการวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
การเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีแรงม้าที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย