5 อันดับหูฟัง xiaomi รุ่นไหนดี 2023
หูฟัง Xiaomi เป็นหูฟังไร้สายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เนื่องจากมีราคาที่ย่อมเยา คุณภาพเสียงที่ดี และฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน หากคุณกำลังมองหาหูฟังไร้สายราคาประหยัด คุณภาพเสียงดี ฟังก์ชันการใช้งานครบครัน Xiaomi ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และในปัจจุบัน Xiaomi มีหูฟังไร้สายวางจำหน่ายอยู่หลายรุ่น แต่ละรุ่นก็มีจุดเด่นและราคาที่แตกต่างกันไป หากท่านใดสนใจจะซื้อหูฟัง xiaomi สักรุ่นอยู่นั้น แต่ไม่รู้ว่าจะซื้อหูฟังรุ่นไหนดี ทีมงาน Xiaomi Thailand รวมไว้ให้ท่านแล้ว ไปติดตามกันได้เลย
1. Xiaomi Redmi Airdots
![Xiaomi Redmi Airdots](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/11/Xiaomi-Redmi-Airdots.png)
Xiaomi Redmi Airdots เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการใช้งานทั่วไปเป็นอย่างมาก ด้วยระดับราคาที่ย่อมเยาเพียงประมาณ 500 บาทเท่านั้น
มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันและมีคุณภาพดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อมีความเสถียรและระยะไกลมากขึ้น
- ไมโครโฟนคุณภาพดีสำหรับสนทนาโทรศัพท์ที่คมชัด
- แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 4 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และสามารถชาร์จเพิ่มจากเคสได้อีก 12 ชั่วโมง รวมๆ แล้วอยู่ได้นานถึง 16 ชั่วโมง
- การออกแบบที่เล็กกะทัดรัด สวมใส่สบาย ไม่หลุดง่าย
ข้อเสียของ Xiaomi Redmi AirDots
- คุณภาพเสียงอาจจะยังไม่เทียบเท่าหูฟังราคาแพง
- อาจจะมีสัญญาณกระตุกบ้างในบางกรณี
2. Xiaomi Mi In-Ear Basic
![Xiaomi Mi In-Ear Basic](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/11/Xiaomi-Mi-In-Ear-Basic.png)
Xiaomi Mi In-Ear Basic เป็นหูฟังอินเอียร์แบบมีสายรุ่นเริ่มต้นจากแบรนด์ Xiaomi ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยราคาที่ย่อมเยา แต่ให้รายละเอียดการใช้งานที่สามารถตอบโจทย์ได้อย่างเพียงพอในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการเล่นเกม, การฟังเพลง หรือแม้แต่การรับชมวิดีโอคอนเทนต์ต่าง ๆ
จุดเด่น
- เสียงที่มีคุณภาพดีเกินราคา โดยให้เสียงเบสที่หนักแน่น เสียงกลางที่ชัดเจน และเสียงแหลมที่คมชัด
- ไมโครโฟนที่คมชัด ช่วยให้สนทนาผ่านโทรศัพท์ได้อย่างมั่นใจ
- การออกแบบที่กระชับ สวมใส่สบาย ไม่หลุดง่าย
- น้ำหนักเบาเพียง 14 กรัม พกพาสะดวก
ข้อสังเกต
- วัสดุของหูฟังอาจจะดูบอบบางไปบ้าง
- การป้องกันน้ำและฝุ่นอาจจะไม่มากนัก
3. Xiaomi Mi Earphones 2 Basic True Wireless
![Xiaomi Mi Earphones 2 Basic True Wireless](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/11/Xiaomi-Mi-Earphones-2-Basic-True-Wireless.png)
หูฟังไร้สาย Xiaomi Mi Earphones 2 Basic True Wireless เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังมองหาหูฟังไร้สายราคาประหยัด เน้นการสวมใส่ที่สบาย ไมโครโฟนคุณภาพดี และแบตเตอรี่อึด เหมาะกับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกม หรือคุยโทรศัพท์
จุดเด่นของหูฟังไร้สาย Xiaomi Mi Earphones 2 Basic True Wireless ได้ดังนี้
- การสวมใส่ที่สบายหู ตัวหูฟังเป็นแบบ Earbud สวมใส่สบาย ไม่แน่นเกินไป ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัดหรือเจ็บหู น้ำหนักเบาเพียงข้างละ 4.7 กรัม สวมใส่ได้นานโดยไม่รู้สึกล้า
- ไมโครโฟนคู่แบบ Beamforming รับเสียงพูดได้อย่างคมชัดทุกการสนทนา ตัดเสียงแทรกได้อย่างดีด้วยระบบ ENC
- แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นานถึง 5 ชั่วโมง จากนั้นชาร์จเพิ่มได้จากเคสอีกราวๆ 3 ครั้ง รวมแล้วหูฟังกับเคสใช้งานได้รวมกัน 20 ชั่วโมง หรือเกือบ 1 วันเต็มๆ
สำหรับข้อเสียของหูฟังรุ่นนี้ เท่าที่อ่านรีวิวมา พบว่าเสียงเบสอาจจะไม่ได้หนักแน่นมากนัก และการตัดเสียงรบกวนภายนอกทำได้ไม่ดีเท่าหูฟังระดับสูง แต่ถ้าเทียบกับราคาที่วางจำหน่ายอยู่ที่ 999 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียว
4. Xiaomi Flipbuds Pro
![Xiaomi Flipbuds Pro](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/11/Xiaomi-Flipbuds-Pro.png)
Xiaomi FlipBuds Pro เป็นหูฟังไร้สายตัวท็อปที่น่าสนใจอย่างมาก โดดเด่นทั้งเรื่องดีไซน์ คุณภาพเสียง และฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง เล่นเกม ดูหนัง หรือคุยโทรศัพท์ เรียกได้ว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไปอย่างแน่นอน
จุดเด่นของ Xiaomi FlipBuds Pro
- ดีไซน์พรีเมียมหรูหรา
- รองรับการตัดเสียงรบกวน ANC แบบไฮบริดระดับ 40dB
- มีโหมดฟังเสียงภายนอกแบบคู่
- ไมโครโฟนลดเสียงรบกวนถึงข้างละ 3 ตัว
อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตเล็กน้อยคือ หูฟังรุ่นนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ อาจทำให้บางคนใส่แล้วรู้สึกไม่สบายหู นอกจากนี้ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุดเพียง 7 ชั่วโมงเท่านั้น หากใช้งานต่อเนื่องทั้งวันอาจต้องชาร์จบ่อยสักหน่อย
5. Xiaomi Redmi Buds 4 Pro
![Xiaomi Redmi Buds 4 Pro](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/11/Xiaomi-Redmi-Buds-4-Pro.png)
Xiaomi Redmi Buds 4 Pro เป็นหูฟัง True Wireless ที่คุ้มค่าคุ้มราคาอย่างมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi และต้องการฟังก์ชันการตัดเสียงรบกวน ANC ที่ดีเยี่ยม อย่างไรก็ตาม รุ่นนี้ก็มีจุดสังเกตอยู่บ้างคือ น้ำหนักหูฟังค่อนข้างหนัก และการออกแบบมีขนาดใหญ่ อาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบหูฟังขนาดเล็กและน้ำหนักเบา
จุดเด่น
- เสียงระดับ Hi-Fi รองรับเสียงระดับ Hi-Res Wireless
- ระบบเสียงเสมือนจริงรอบตัว 3 มิติ
- ตัดเสียงรบกวน ANC 43dB
- ENC ช่วยลดเสียงรบกวนจากลม
- แบตเตอรี่อึด ฟังเพลงได้สูงสุด 9 ชั่วโมง
ข้อสังเกต
- น้ำหนักหูฟังค่อนข้างหนัก
- การออกแบบมีขนาดใหญ่
วิธีเลือกซื้อหูฟัง xiaomi รุ่นไหนดี ?
1. ประเภทการใช้งาน
ประเภทการใช้งานหูฟังไร้สายมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกซื้อหูฟัง เนื่องจากหูฟังแต่ละประเภทมีจุดเด่นและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ดังนี้
- หูฟังสำหรับฟังเพลง เน้นคุณภาพเสียงเป็นหลัก จำเป็นต้องมีไดรเวอร์ขนาดใหญ่ รองรับเทคโนโลยีเสียง Hi-Res Audio หรือ Dolby Atmos เพื่อสร้างเสียงที่สมจริงและดื่มด่ำ
- หูฟังสำหรับคุยโทรศัพท์ เน้นคุณภาพเสียงสนทนาเป็นหลัก จำเป็นต้องมีไมโครโฟนคุณภาพดีที่สามารถรับเสียงได้ชัดเจน
- หูฟังสำหรับออกกำลังกาย จำเป็นต้องทนทานต่อเหงื่อและน้ำ กันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 หรือ IPX5 ขึ้นไป
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหูฟังไร้สายสำหรับฟังเพลงและคุยโทรศัพท์ทั่วไป สามารถเลือกซื้อหูฟังไร้สายรุ่นประหยัดหรือรุ่นกลางก็ได้ ซึ่งหูฟังเหล่านี้มักจะมีไดรเวอร์ขนาดกลาง รองรับเทคโนโลยีเสียง Hi-Res Audio หรือ Dolby Atmos ในระดับพื้นฐาน และไมโครโฟนคุณภาพดีที่สามารถรับเสียงได้ชัดเจน
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการหูฟังไร้สายสำหรับออกกำลังกาย สามารถเลือกซื้อหูฟังไร้สายรุ่นกลางหรือรุ่นสูงก็ได้ ซึ่งหูฟังเหล่านี้มักจะกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 หรือ IPX5 ขึ้นไป ช่วยให้สามารถสวมใส่ออกกำลังกายได้อย่างมั่นใจ
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติมในการเลือกซื้อหูฟังไร้สาย เช่น ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ น้ำหนักหูฟัง การออกแบบ เป็นต้น
2. ความต้องการใช้งาน
ความต้องการหูฟังไร้สายของผู้ใช้แต่ละคนแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ดังนี้
- การตัดเสียงรบกวน (Active Noise Cancellation: ANC) เป็นฟังก์ชันที่ช่วยลดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้ผู้ใช้สามารถดื่มด่ำกับเสียงเพลงหรือเสียงสนทนาได้อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานหูฟังไร้สายในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน เช่น ขณะเดินทางหรือทำงาน
- กันน้ำกันฝุ่น (Waterproof and Dustproof) เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้หูฟังสามารถทนทานต่อเหงื่อและน้ำ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานหูฟังไร้สายขณะออกกำลังกายหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น เช่น ฝนตก
- กันเหงื่อ (Sweatproof) เป็นฟังก์ชันที่ช่วยให้หูฟังสามารถทนทานต่อเหงื่อ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานหูฟังไร้สายขณะออกกำลังกาย
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติมในการเลือกซื้อหูฟังไร้สาย เช่น ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ น้ำหนักหูฟัง การออกแบบ เป็นต้น
ตัวอย่างความต้องการหูฟังไร้สายที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
- ผู้ใช้ที่ต้องการหูฟังไร้สายสำหรับฟังเพลงและคุยโทรศัพท์ทั่วไป อาจต้องการหูฟังไร้สายที่มีคุณภาพเสียงดี ไมโครโฟนคุณภาพดี และกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4
- ผู้ใช้ที่ต้องการหูฟังไร้สายสำหรับออกกำลังกาย อาจต้องการหูฟังไร้สายที่กันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX5 ขึ้นไป น้ำหนักเบา และสวมใส่สบาย
- ผู้ใช้ที่ต้องการหูฟังไร้สายสำหรับเล่นเกม อาจต้องการหูฟังไร้สายที่มีเทคโนโลยี Low Latency ช่วยลดความหน่วงของเสียง ทำให้เสียงและภาพตรงกัน
- ผู้ใช้ที่ต้องการหูฟังไร้สายสำหรับวิดีโอคอล อาจต้องการหูฟังไร้สายที่มีไมโครโฟนคุณภาพดีที่สามารถรับเสียงได้ชัดเจน
ผู้ใช้ควรพิจารณาความต้องการของตนเองอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อหูฟังไร้สาย เพื่อให้ได้หูฟังที่ตรงกับความต้องการและการใช้งานมากที่สุด
3. งบประมาณ
งบประมาณเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อหูฟังไร้สาย เนื่องจากหูฟังแต่ละรุ่นมีราคาที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไป หูฟังไร้สาย Xiaomi แบ่งออกเป็น 3 ระดับราคาหลัก ได้แก่
- รุ่นประหยัด มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 500 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังไร้สายราคาย่อมเยา เน้นฟังเพลงและคุยโทรศัพท์ทั่วไป
- รุ่นกลาง มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 1,000 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังไร้สายที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายขึ้น เช่น ตัดเสียงรบกวน กันน้ำ กันฝุ่น
- รุ่นสูง มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 2,000 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังไร้สายที่มีคุณภาพเสียงที่ดีที่สุด
สำหรับผู้ใช้ที่มีงบประมาณจำกัด สามารถเลือกซื้อหูฟังไร้สาย Xiaomi รุ่นประหยัด เช่น Redmi Buds 4 Lite, Redmi Buds 3, Mi True Wireless Earbuds Basic 2 เป็นต้น
สำหรับผู้ใช้ที่มีงบประมาณปานกลาง สามารถเลือกซื้อหูฟังไร้สาย Xiaomi รุ่นกลาง เช่น Redmi Buds 3 Pro, Mi Air 2S, Mi True Wireless Earbuds 3 เป็นต้น
สำหรับผู้ใช้ที่มีงบประมาณสูง สามารถเลือกซื้อหูฟังไร้สาย Xiaomi รุ่นสูง เช่น FlipBuds Pro, Mi Buds 3 Pro เป็นต้น
4. ความอึดของแบตเตอรี่
โดยทั่วไป หูฟังไร้สายจะแสดงระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่เป็นชั่วโมง โดยแบ่งเป็นระยะเวลาการใช้งานหูฟังแต่ละข้างต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และระยะเวลาการใช้งานหูฟังทั้งหมดเมื่อชาร์จด้วยกล่องชาร์จ ตัวอย่างเช่น หูฟัง Xiaomi Redmi Buds 3 Pro มีระยะเวลาการใช้งานหูฟังแต่ละข้าง 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และใช้งานได้รวม 27 ชั่วโมงเมื่อชาร์จด้วยกล่องชาร์จ
หากต้องการใช้หูฟังเป็นเวลานาน ให้เลือกหูฟังที่มีระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่อย่างน้อย 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และใช้งานได้รวมอย่างน้อย 15 ชั่วโมงเมื่อชาร์จด้วยกล่องชาร์จ ตัวอย่างเช่น หูฟัง Xiaomi Mi True Wireless Earphones 2 Basic มีระยะเวลาการใช้งานหูฟังแต่ละข้าง 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และใช้งานได้รวม 24 ชั่วโมงเมื่อชาร์จด้วยกล่องชาร์จ
นอกจากระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่แล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ของหูฟัง เช่น ระดับเสียงที่ใช้ ฟังก์ชั่นที่ใช้ สภาพแวดล้อมที่ใช้ เป็นต้น
5. มาตรฐานการรับส่งสัญญาณ
มาตรฐาน Bluetooth ที่ใช้กับหูฟังไร้สายมีดังนี้
- Bluetooth 4.2 เป็นมาตรฐานรุ่นเก่าที่รองรับความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุด 1 Mbps ระยะการรับส่งสัญญาณไม่เกิน 10 เมตร และมีความเสถียรปานกลาง
- Bluetooth 5.0 เป็นมาตรฐานรุ่นล่าสุดที่รองรับความเร็วในการรับส่งข้อมูลสูงสุด 2 Mbps ระยะการรับส่งสัญญาณไม่เกิน 40 เมตร และมีความเสถียรสูง
- Bluetooth 5.1 เป็นมาตรฐานที่ปรับปรุงมาจาก Bluetooth 5.0 โดยเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ เช่น การตรวจจับตำแหน่งของหูฟังได้แม่นยำยิ่งขึ้น และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้พร้อมกันหลายเครื่อง
- Bluetooth 5.2 เป็นมาตรฐานที่ปรับปรุงมาจาก Bluetooth 5.1 โดยเพิ่มคุณสมบัติใหม่ๆ เช่น รองรับเสียงความละเอียดสูงแบบไร้สาย และรองรับเสียงหน่วงต่ำ (Low Latency) เหมาะสำหรับการเล่นเกม
สำหรับหูฟังไร้สายในปัจจุบันส่วนใหญ่จะใช้มาตรฐาน Bluetooth 5.0 หรือ Bluetooth 5.2 โดยมาตรฐาน Bluetooth 5.2 จะมีข้อดีเหนือกว่ามาตรฐาน Bluetooth 5.0 ดังนี้
- ระยะการรับส่งสัญญาณไกลขึ้น
- มีความเสถียรสูง
- รองรับเสียงความละเอียดสูงแบบไร้สาย
- รองรับเสียงหน่วงต่ำ (Low Latency) เหมาะสำหรับการเล่นเกม
ดังนั้น หากต้องการเลือกหูฟังไร้สายที่มีสัญญาณที่แรงและมีความเสถียรสูง ให้เลือกหูฟังที่ใช้มาตรฐาน Bluetooth 5.2 หรือ Bluetooth 5.0