ใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตราคาน่ารัก สเปคระดับคุณภาพ Redmi Pad SE จาก Xiaomi เป็นหนึ่งในตัวเลือกนั้นเลยล่ะ ซึ่งก็จัดอยู่ในตระกูลของแท็บเล็ตราคาต่ำกว่าหมื่น ที่อัดแน่นสเปคมาให้แบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะจอถนอมสายตา 11 นิ้ว มี Reading Mode ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านหนังสือจริง ๆ ความละเอียดแบบ FHD+ รีเฟรทเรต 90Hz ลำโพง 4 ตัว ระบบเสียง Dolby Atmos วางขายในราคาเพียง 5,999 บาท
สเปค REDMI PAD SE จาก Xiaomi
- หน้าจอ LCD ขนาด 11 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1920 x 1200) รีเฟรชเรทสูงสุด 90Hz
- CPU : Snapdragon 680
- RAM LPDDR4X : 4GB ขนาดที่ทีมงานรีวิว (แต่วางจำหน่ายไทย 6GB)
- ความจุ : 128GB (เพิ่มได้ 1TB)
- กล้องหลัง : 8MP ( f/2.0)
- กล้องหน้า : 5MP (f/2.2)
- การเชื่อมต่อ : WiFi 2.4GHz | 5GHz BT 5.0
- ระบบเสียง : ลำโพง 4 ตัว รองรับ Dolby Atmos, Hi-Res Audio มีพอร์ต 3.5 มม.
- แบตเตอรี่ : 8000mAh รองรับชาร์จไว 10W
ระบบ Android 13 ครอบด้วย MIUI Pad 14
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ REDMI PAD SE จาก Xiaomi
![Redmi Pad SE](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/09/1-3.png)
Redmi Pad SE มาในดีไซน์ Unibody ให้ความหรูหรา ดูพรีเมียม ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 478 กรัม พกไปทำงานข้างนอกได้สบาย และด้วยความที่ใช้เป็นวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอยด์แบบชิ้นเดียว ตัวเครื่องจึงแข็งแกร่ง ทนทาน ใช้งานได้อย่างหายห่วงเลย
ซึ่งสีที่เราได้มาก็คือ Lavender Purple จะมีความม่วงอ่อน ๆ ละมุน ๆ ด้านข้างขวาของตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่ม Power อยู่ด้านบนของเครื่อง ด้านล่างจะเป็นช่องชาร์จ และหูฟัง 3.5 มม. และอีกข้อดีที่ชอบในการใช้งานของเครื่องนี้เลย ก็คือ วัสดุเนื้อสัมผัสที่เป็นแบบด้าน ทำให้เวลาใช้งานแล้วไม่เป็นรอยนิ้วมือง่าย ไม่ต้องคอยเช็ดบ่อย ๆ
REDMI PAD SE จาก Xiaomi มีจอถนอมสายตาขนาด 11 นิ้ว
![](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/09/3-3.png)
หน้าจอขนาด 11 นิ้ว มีความละเอียดแบบ FHD+ 1920 x 1200 รีเฟรชเรตปรับได้สูงสุด 90Hz ความสว่างสูงสุด 400 นิต พร้อมปกป้องดวงตาด้วย TÜV Rheinland certified Low Blue Light และ TÜV Rheinland Flicker Free Certificatio และมี Reading Mode ที่ช่วยลดแสงสีฟ้า เอาให้ไว้สายอ่านได้ใช้งานสายตากันยาว ๆ แบบตาไม่ล้าด้วย แต่ข้อสังเกตคือ ความสว่างจอจะไม่ค่อยสู้แสง เวลาใช้งานกลางแจ้งก็จะมองไม่ค่อยชัด
ลำโพงสเตอรีโอ REDMI PAD SE จาก Xiaomi
รุ่นนี้ได้ให้ลำโพง 4 ตัว ที่รองรับระบบเสียง Dolby Atmos มาด้วย บอกเลยว่าคุณภาพเสียงคือเน้น ๆ เนื้อ ๆ บอกเลยว่าเสียงสะใจ ได้ยินเสียงแบบกึกก้อง เสียงดังฟังเพราะ เปิดสุดเสียงไม่แตก ไม่แหลมบาดหู ใครที่เน้นใช้งานด้านดูซีรีส์นี่คือเหมาะมาก ๆ
การใช้งาน Multi – Window ของ REDMI PAD SE
ตัวเครื่องสามารถเปิดใช้งานพร้อมกัน 2 แอป แบบแบ่งครึ่งหน้าจอได้ ตัวจอจะแบ่งใช้งานซ้าย ขวา ปกติ ทั้งตอนใช้งานในแนวตั้งและแนวนอน แต่ข้อสังเกตคือในแนวตั้งสามารถปรับเป็นแค่ซ้ายและขวาเท่านั้น ไม่สามารถปรับเป็นบนล่างได้
กล้องถ่ายรูป REDMI PAD SE
รุ่นนี้ได้ให้กล้องหน้ามาอยู่ที่ 5MP ความละเอียดสูงสุด 1080P (1920 x 1080) 30fps ก็คือใช้งานได้ในระดับทั่วไป คือจะใช้งานวิดีโอคอล ประชุมงานก็ไม่ติดเลย ส่วนกล้องหลังให้มาที่ 8MP ก็ถือว่าโอเคเลยนะ แถมยังใส่ AI ใส่ Night Mode มาให้อีกด้วย รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 1080P 30 fps และในการเซลฟี่ก็มี Beauty มาช่วยปรับให้หน้าเนียนอีกด้วย
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
![](https://xiaomith.com/wp-content/uploads/2023/09/4-3.png)
รุ่นนี้ได้ให้แบตเตอรี่มา 8,000mAh แต่น่าเสียดายที่ให้ความเร็วในการชาร์จมาเพียงแค่ 10W ซึ่งจะใช้กับสถานการณ์ที่เรารีบ ๆ จะออกไปใช้แล้วไม่ได้เสียบแบตไว้ไม่ได้เลย แต่ในการใช้งานทั่วไปหลังจากแบตเต็ม 100% ก็ได้เปิดดูคลิปวิดีโอใน TikTok, Youtube และเล่นเกมบ้างไรบ้าง มีช่วงพักทิ้งข้ามคืน แล้วกลับมาเปิด Netflix ดูแบบยาว ๆ รวมแล้วใช้เวลาไปทั้งหมด 23 ชั่วโมง 9 นาที แบตเตอรี่ลดเหลือ 9% ถือว่าเยอะ อึด ใช้ได้เลย
สรุปการใช้งาน
Redmi Pad SE จาก Xiaomi ตัวที่วางขายไทย จะเป็น 6GB + 128GB ก็ถือว่าเป็นแท็บเล็ตราคาต่ำกว่าหมื่นที่น่าใช้ตัวนึงเลยล่ะ ด้วยราคาที่น่าคบหาบวกกับสเปคที่อัดแน่นมาแบบจัดหนักจัดเต็ม และคิดว่าใครที่เป็นสายหนังสายซีรีส์ก็น่าจะถูกใจไม่น้อย เพราะว่าตัวเครื่องได้ให้ลำโพง 4 ตัว ระบบเสียง Dolby Atmos มาให้ เปิดฟังไปนี่นึกว่าตัวเองอยู่ในหนังไปด้วยเลย
อีกทั้งยังใช้งานได้อย่างครบ ๆ ทั้งการแบ่งหน้าจอ ส่วนการเล่นเกมเนื่องจากทีมงานได้ตัว RAM 4GB มารีวิว เวลาเล่นเกมกราฟิกสูงๆ เลยทำให้หน่วงและกระตุกบ้าง และเสียดายที่ไม่ได้ทดสอบกับปากกาและคีย์บอร์ดนี่แหละ ที่ชอบที่สุดเลยคือฟีเจอร์ Reading Mode ที่ทำให้อ่านแล้วฟีลกู้ดมาก ๆ ใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตตัวคุ้ม ราคาต่ำกว่าหมื่น ตัวนี้คือขอแนะนำเลยจริง ๆ
Redmi Pad SE จาก Xiaomi มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ Lavender Purple, Graphite Gray และ Mint Green วางจำหน่ายในไทยเพียงแค่รุ่นความจุเดียว คือ 6GB + 128GB ในราคา 5,999 บาท สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทาง Lazada และ Shopee เท่านั้น
ติดตามอ่านบทความใหม่และบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ xiaomith.com