เว็บไซต์รวบรวมสินค้า Xiaomi ครบวงจร

POCO F5 และ POCO F5 Pro กล้องสวย สเปคจัดเต็ม ราคาไม่ถึง 20,000 บาท

ในครั้งนี้เราจะพาคุณไปพบกับ Xiaomi POCO F5 และ POCO F5 Pro ที่ถือเป็นมือถือที่มาพร้อมกับสเปคที่ทรงพลัง และราคาที่เป็นมิตร

Xiaomi ไม่เคยหยุดนวัตกรรมและการอัพเกรดสมาร์ทโฟนของตน ในครั้งนี้เราจะพาคุณไปพบกับ Xiaomi POCO F5 และ POCO F5 Pro ที่ถือเป็นมือถือที่มาพร้อมกับสเปคที่ทรงพลัง และราคาที่เป็นมิตร สำหรับคนที่ต้องการคุ้มค่าและประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม กันไปดูรายละเอียดกันเถอะ!

สเปก POCO F5 และ POCO F5 Pro

สเปคของทั้ง 2 รุ่น รวม ๆ จะแตกต่างกันอยู่ที่ตัวชิป และขนาดแบตเตอรี่เล็กน้อยเท่านั้น โดย POCO F5 ใช้ชิป Snapdragon 7+ Gen 2 และ POCO F5 Pro ใช้ชิปแรงกว่าเป็น Snapdragon 8+ Gen 1 ทั้งคู่ใช้ RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 12GB และความจุแบบ UFS 3.1 ขนาด 256GB กับ 512GB (เฉพาะรุ่น Pro)
POCO F5 และ POCO F5 Pro
สเปค POCO F5
  • จอภาพ : Flow AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Snapdragon 7+ Gen 2
  • RAM LPDDR5 : 12GB (รองรับ Dynamic RAM Expansion 3.0)
  • ROM UFS 3.1 : 256GB (ไม่รองรับ microSD Card)
  • กล้องหลัง 3 ตัว :
    – กล้องหลัก 64MP (f/1.79), ระบบกันสั่น OIS+EIS
    – กล้องอัลตราไวด์ 8MP (f/2.2)
    – กล้อง Macro 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.42)
  • การเชื่อมต่อ : 5G Dual SIM / Wi-Fi 6 / Bluetooth 5.3 / NFC / IR Blaster / USB Type-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ด้านข้าง), Optical Distance Sensor, Ambient Light Sensor, Acceleration Sensor, Gyroscope, Electronic Compass
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอรีโอ Dolby Atmos
    มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP53
  • แบตเตอรี่ : 5,000 mAh รองรับชาร์จไว 67W
  • ระบบปฏิบัติการ : MIUI 14 บนพื้นฐาน Android 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 161.11 มม. x 74.95 มม. x 7.9 มม. / 181 กรัม
สเปค POCO F5 PRO
  • จอภาพ : Flow AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ รีเฟรชเรท 120Hz
  • CPU : Snapdragon 8+ Gen 1
  • RAM LPDDR5 : 12GB (รองรับ Dynamic RAM Expansion 3.0)
  • ROM UFS 3.1 : 256GB / 512GB (ไม่รองรับ microSD Card)
  • กล้องหลัง 3 ตัว :
    – กล้องหลัก 64MP (f/1.79), ระบบกันสั่น OIS+EIS
    – กล้องอัลตราไวด์ 8MP (f/2.2)
    – กล้อง Macro 2MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า : 16MP (f/2.42)
  • การเชื่อมต่อ : 5G Dual SIM / Wi-Fi 6 / Bluetooth 5.3 / NFC / IR Blaster / USB Type-C 2.0
  • เซนเซอร์ : Fingerprint (ใต้จอ), Optical Distance Sensor, Ambient Light Sensor, Acceleration Sensor, Gyroscope, Electronic Compass, Color spectrum
  • ระบบเสียง : ลำโพงสเตอริโอ Dolby Atmos
    มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP53
  • แบตเตอรี่ : 5,160 mAh รองรับชาร์จไวมีสาย 67W / ไร้สาย 30W
  • ระบบปฏิบัติการ : MIUI 14 บนพื้นฐาน Android 13
  • ขนาด / น้ำหนัก : 162.78 มม. x 75.44 มม. x 8.59 มม. / 204 กรัม

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ POCO F5 และ POCO F5 Pro

POCO F5 ทั้งสองรุ่นมีขนาดหน้าจอเท่ากันที่ 6.67 นิ้ว และใช้พาเนลแบบ AMOLED รีเฟรชเรท 120Hz ทั้งคู่แต่จะต่างกันตรงความละเอียด เพราะรุ่น Pro มีความละเอียดสูงถึงระดับ WQHD+ ส่วนรุ่นธรรมดามีความละเอียดระดับ FHD+ ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูกล้องตรงกลางด้านบน ถ้าหงายเครื่องวางเทียบกันจะเห็นความแตกต่างเล็กน้อยตรงที่รุ่น Pro มุมเครื่องมีความโค้งมากกว่านิดหน่อย
พอพลิกดูด้านข้างจะเริ่มเห็นความแตกต่าง เพราะรุ่นธรรมดามีขอบเครื่องที่เหลี่ยมกว่า และขอบเครื่องด้านขวามีปุ่ม Power ที่เป็นเซนเซอร์สแกนนิ้วมือด้วย ส่วนรุ่น Pro ขอบเครื่องด้านหลังจะโค้งมนเข้ามือ และปุ่ม Power ไม่มีเซนเซอร์เพราะใช้สแกนนิ้วมือบนหน้าจอแทน POCO F5 ยังมีรูหูฟัง 3.5 มม. อยู่ที่ขอบเครื่องด้านบนด้วย ส่วนรุ่น Pro ไม่มีให้นะ
มาด้านหลังเครื่องทีนี้จะเห็นว่าต่างกันแบบเห็นชัด ๆ เลย โดยรุ่นธรรมดามีลวดลายแบบเคฟลาร์ กล้องหลังมุมขวาบนมี 3 ตัว เป็นเลนส์เพียว ๆ นูนขึ้นมาจากตัวเครื่อง รุ่น Pro มีลายแบบเคฟลาร์เหมือนกันแต่จะมีตรงแค่ขอบ ๆ ซ้าย-ขวาเท่านั้น ตรงกลางเครื่องเป็นสีเรียบ ๆ ส่วนมุมซ้ายบนมีโมดูลกล้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า และมีกล้อง 3 ตัว เรียงเป็นแนวตั้ง ทั้งคู่มีฝาหลังแบบมันวาวซึ่งเป็นรอยนิ้วมือง่ายสุด ๆ แตะนิดแตะหน่อยก็เละแล้ว…แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะยังไงก็คงใส่เคสกันอยู่แล้วล่ะเนอะ

ลำโพงสเตอรีโอ

ทั้ง 2 รุ่น ได้ลำโพงสเตอรีโอพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos ที่สามารถเปิดใช้ร่วมกับลำโพงเพื่อเพิ่มความกระหึ่มและความตึ้บขึ้นมา (บางรุ่นจะได้ใช้แค่เวลาเสียบหูฟัง) ทดลองเปิดเสียงจนสุดพบว่าดังลั่นห้องเลยล่ะ แต่ถ้าเปิดแบบ 100% เสียงจะพร่านิด ๆ แนะนำว่าเปิดแค่ 80% ก็พอแล้วเป็นการถนอมลำโพงด้วย

กล้องถ่ายรูป

POCO F5 และ POCO F5 Pro
หนึ่งในจุดเด่นของมือถือทั้ง 2 รุ่นนี้ก็คือกล้องหลัง 3 ตัวที่ใช้สเปคเดียวกัน ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 64MP มีระบบกันสั่น OIS + กล้อง Ultrawide ความละเอียด 8MP + กล้อง Macro ความละเอียด 2MP ซึ่งภาพที่ถ่ายออกมาอาจต่างกันบ้างเล็กน้อยเนื่องจากการประมวลผลของ CPU ที่ใช้คนละรุ่นนั่นเอง แต่รวม ๆ แล้วแทบไม่เห็นความแตกต่าง
แม้สเปคกล้องจะเหมือนกันแต่ความแตกต่างก็ยังมีอยู่ เพราะรุ่น Pro สามารถถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดถึง 8K 24fps / 4K 60fps ส่วนรุ่นธรรมดาถ่ายได้สูงสุดที่ 4K 30fps ตัวอย่างก็ดูได้จากข้างล่างครับ ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ยังคงจำกัดความละเอียดในการถ่ายวิดีโอเซลฟี่เอาไว้ที่ 1080p 30/60fps เหมือนเดิม
ปกติการถ่ายวิดีโอทั่วไปก็จะใช้ความสามารถของระบบกันสั่นจากฮาร์ดแวร์ OIS ร่วมกับกันสั่นจากซอฟท์แวร์ EIS ช่วยอยู่แล้ว แต่เรายังสามารถปรับโหมด Steady Video เพื่อเพิ่มความนิ่งให้มากขึ้นไปอีก แต่จะจำกัดความละเอียดเอาไว้ที่ 1080p 30fps เท่านั้น แต่จากที่ลองวิ่งถ่ายพบว่ายังไม่ได้นิ่งขนาดนั้น เพราะเวลาลงเท้าจะเห็นได้ชัดเลยว่าภาพมันจะดูวูบ ๆ แปลก ๆ

แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ

แบตเตอรี่ของทั้งคู่มีขนาดต่างกันแค่เล็กน้อยเท่านั้นโดยรุ่นธรรมดา 5000 mAh และรุ่น Pro ขนาด 5160 mAh ซึ่งการใช้งานจริงนี่แทบจะแยกไม่ออกอยู่แล้ว สำหรับการใช้งานทั่วไปใช้ซิม 5G ระหว่างเดินทางมาทำงาน เล่นเน็ตดูคลิปบ้าง+ฟังเพลงไปด้วย ถึงออฟฟิศต่อ WiFi แชททั้งวัน เล่นเกมบ้าาง ถ่ายรูปบ้าง กลับบ้านค่ำ ๆ แบตเตอรี่ยังเหลือเฟือ (รุ่น Pro ปรับความละเอียดจอไว้ที่ FHD+)
ทดสอบแบบจัดหนักด้วยการเปิดคลิป YouTube ผ่าน WiFi ความละเอียด FHD แบบเต็มจอ ความสว่างและเสียงลำโพง 60% เล่นไปยาว ๆ 6 ชม. แบตเตอรี่ยังเหลืออีกถึง 70% กว่า ๆ เลยทีเดียว ระบบชาร์จไว 67W เรียกว่าเหลือเฟือเลย เพราะชาร์จแบตเตอรี่จากราว ๆ 10% จนเต็ม 100% ใช้เวลาแค่ไม่ถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนรุ่น Pro จะพิเศษกว่าตรงที่มีระบบชาร์จไร้สาย 30W มาให้ด้วย

สรุปการใช้งาน

ข้อดี
  • สเปคคุ้มค่ากับราคา
  • สเปคแรงใช้งานได้ทุกอย่างในปัจจุบันได้แบบลื่น ๆ
  • หน้าจอสีสวยสว่างสู้แดด รีเฟรชเรทสูงด้วย
  • กล้องหลังถ่ายสวยในทุกสภาพแสง
  • ถ่ายวิดีโอโหมดปกติค่อนข้างนิ่งเพราะมี OIS+EIS
  • รุ่น Pro ถ่ายวิดีโอ 8K ได้
  • ลำโพงคู่เสียงดัง เสียงดี ใช้ Dolby Atmos กับลำโพงได้
  • รุ่นธรรมดามีรูหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตเตอรี่อึด
  • ชาร์จไวใช้ได้
  • รุ่น Pro มีชาร์จไร้สาย
  • มาตรฐานทนน้ำ IP53 ใช้เครื่องได้อุ่นใจในชีวิตประจำวัน
  • ติดฟิล์มกันรอยหน้าจอมาให้เลย, แถมเคส, แถมหัวชาร์จ 67W มาด้วย
  • ข้อสังเกต
  • กล้องหน้าถ่ายวิดีโอได้แค่ 1080p 60fps
  • โหมดถ่ายวิดีโอ Steady ยังไม่ได้นิ่งเนียนขนาดนั้น
  • ฝาหลังเป็นรอยนิ้วมือง่ายสุด ๆๆๆ (แต่ใส่เคสกันอยู่แล้ว เลยไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร)
  • ไม่รองรับ microSD Card
  • รุ่น Pro ไม่มีรูหูฟัง
  • รุ่นธรรมดาถ่ายวิดีโอสูงสุด 4K 30fps
  • ทั้ง POCO F5 และ POCO F5 Pro เป็นมือถือระดับกลางที่ต้องบอกเลยว่ามีสเปค+ราคาที่คุ้มค่า แถมยังมีกล้องสวยอีกต่างหาก ถ้าใครไม่ได้สนใจจะถ่ายวิดีโอระดับ 8K และไม่ได้อยากจะจัดกราฟิกหนัก ๆ กับเกม Genshin Impact จะเลือกรุ่นธรรมดาก็เหลือ ๆ ด้วยค่าตัวแค่ 13,990 บาท
    แต่หากใครอยากจัดเต็มกว่าด้วยกล้องถ่ายวิดีโอ 8K และสเปคที่แรงขึ้นมาอีกขั้น และอยากใช้ชาร์จไร้สายด้วย ก็เพิ่มเงินขึ้นมาอีกหน่อยจัดตัว Pro ไปได้เลย โดยรุ่นนี้มีให้เลือกความจุ 2 ขนาดคือ 12GB / 256GB ราคา 16,990 บาท และ 12GB + 512GB ราคา 18,990 บาท รับรองว่าใช้งานแบบลื่น ๆ ไปได้อีกยาวเลย
    ติดตามอ่านบทความใหม่และบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ xiaomith.com

    สารบัญ