ถ้าพูดถึงมือถือตระกูล Redmi Note Series ของ Xiaomi ต้องยอมรับเลยว่าเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก หรืออาจจะเป็นซีรีส์ที่ขายดีที่สุดของแบรนด์เลยก็ว่าได้ ด้วยจุดแข็งของการเป็นมือถือระดับกลางที่มาพร้อมประสิทธิภาพครบครันคุ้มราคา แต่วันนี้เราจะมาพูดถึง Redmi Note 11 Pro 5G ที่เป็นรุ่นท็อปสุดของตระกูลนั่นเอง Redmi Note Series ของ Xiaomi
สเปก Redmi Note 11 Pro 5G
- ขนาดตัวเครื่อง 164.19 x 76.1 x 8.12 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 202 กรัม
- AMOLED DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว, FHD+ (2400×1080) รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz รองรับช่วงสีกว้าง DCI-P3 และความสว่างสูงสุด 1200 nits
- ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 Octa-Core ความเร็วสูงสุด 2.2 GHz, Qualcomm Adreno 619
- RAM 8GB + ROM128GB (LPDDR4X + UFS 2.2) รองรับหน่วยความจำเสริม microSD สูงสุด 1TB
- กล้องหน้า 16MP, f/2.4
- กล้องหลัง 3 ตัว
– กล้องหลัก (มุมกว้าง) 108MP, ขนาดพิกเซล 0.7μm, ซุปเปอร์พิกเซล 9-in-1 ถึง 2.1μm, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.52”, f/1.9
– กล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP, FOV 118°, f/2.2
– กล้องมาโคร 2MP, f/2.4 - ระบบปฏิบัติการ MIUI 13 ทำงานอยู่บน Android 11
- แบตเตอรี่ 5000mAh, ชาร์จเร็ว 67W
- การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi ac (2.4GHz/5GHz), Bluetooth 5.1, NFC, USB-C
- สี ขาว Polar white / เทา Graphite Gray / ฟ้า Atlantic Blue
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ Redmi Note 11 Pro 5G
Redmi Note 11 Pro 5G นั้นมีดีไซน์ที่เหมือนกันกับ Redmi Note 11 Pro เน้นความสวยงามเรียบง่าย โดยมาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED DotDisplay ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400×1080) รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz รองรับช่วงสีกว้าง DCI-P3 และความสว่างสูงสุด 1200 nits บริเวณด้านบนของหน้าจอจะมีกล้องหน้า 16MP และมีลำโพงสำหรับสนทนาที่อยู่แนบชิดติดขอบตัวเครื่อง
ถัดมาที่ฝาหลังของ Redmi Note 11 Pro 5G จะเคลือบด้วยกระจกฝ้าแบบผิวด้านดูสวยงามพรีเมียม ซึ่งโดดเด่นสะดุดตาด้วยโมดูลกล้องหลังที่ประกอบด้วยกล้อง 3 ตัว โดยเป็นกล้องหลัก 108MP + กล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP + กล้องมาโคร 2MP และไฟแฟลช LED Redmi Note 11 Pro 5G ที่จำหน่ายในไทยนั้นจะมี 3 สีให้เลือก คือ สีขาว Polar white, สีเทา Graphite Gray และสีฟ้า Atlantic Blue โดยเครื่องที่อยู่ในมือเราตอนนี้ก็คือสี สีดำ Graphite Gray ที่เป็นโทนสีเทาเข้ม ตัวบอดี้ของ Redmi Note 11 Pro 5G ใช้วัสดุอะลูมิเนียมแข็งแรงทนทาน
พร้อมกับขอบเครื่องแบบเหลี่ยมพิมพ์นิยม จึงถือจับกระชับเข้ารับกับสรีระของฝ่ามือได้ดี และใช้งานได้สะดวกสบายด้วยมือข้างเดียว โดยขอบด้านบนจะมีอินฟราเรด ไมโครโฟน ลำโพง และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ถัดมาที่ขอบด้านล่างจะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบไฮบริด (ซิม 1 + ซิม 2 หรือ microSD) พอร์ต USB-C ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และลำโพงอีกหนึ่งตัว เท่ากับว่ารุ่นนี้มีลำโพงคู่ที่ด้านบนและด้านล่าง ส่วนขอบด้านขวาจะเป็นที่อยู่ของปุ่มปรับระดับเสียง รวมทั้งปุ่ม Power ที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรวมอยู่ในปุ่มนี้ด้วย ขณะที่ขอบด้านซ้ายจะเรียบ ๆ ไม่มีอะไร
กล้องถ่ายรูป
ถึงตรงนี้ก็จะเป็นเรื่องกล้องถ่ายภาพของ Redmi Note 11 Pro 5G โดยมีไฮไลท์อยู่ที่กล้องหลัง 3 ตัว ที่มีกล้องหลัก (มุมกว้างพิเศษ) 108MP ขนาดพิกเซล 0.7μm, ซุปเปอร์พิกเซล 9-in-1 ถึง 2.1μm, ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.52”, รูรับแสง f/1.9 ขณะที่กล้องอีก 2 ตัว เป็นกล้องมุมกว้างพิเศษ 8MP, FOV 118°, รูรับแสง f/2.2 และกล้องมาโคร 2MP, รูรับแสง f/2.4 ส่วนกล้องหน้าให้มาเป็นกล้องตัวเดียว 16MP, รูรับแสง f/2.4
คุณสมบัติในการถ่ายภาพของ Redmi Note 11 Pro 5G สามารถทำได้เยอะมาก ๆ ซึ่งประกอบไปด้วย ถ่ายแบบปกติ, 108MP, โปร, ภาพบุคคล, กลางคืน, พานอรามา, วิดีโอ, วิดีโอสั้น, วิดีโอคู่, วิดีโอเคลื่อนไหวเร็ว, สโลโมชั่น, การเปิดรับแสงนาน, ซุปเปอร์มาโคร, ปรับเบลอ, เอกสาร, ฯลฯ นอกจากนี้ การที่กล้องมี AI เข้ามาเสริม ตัวกล้องก็สามารถวิเคราะห์ได้เองว่าภาพที่จะถ่ายนั้นเป็นรูปแบบใด ส่วนเรื่องความสวยของภาพนั้นทำได้ดีกว่าที่คาดไว้มาก รวม ๆ แล้วก็ยอมรับว่าเป็นมือถืออีกเครื่องหนึ่งที่ถ่ายเล่นได้สนุกดีเลยทีเดียว
ประสิทธิภาพ
Redmi Note 11 Pro 5G รันด้วย MIUI 13 ที่ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 สำหรับหน้าตา UI และพวกบรรดาเมนูการตั้งค่าต่าง ๆ นั้น แน่นอนว่าก็เป็นรูปแบบที่ชาวแอนดรอยด์ทั่วไปคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก ขุมพลังภายในของรุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 Octa-Core ความเร็วสูงสุด 2.2 GHz ให้ประสิทธิภาพในการใช้งานที่รวดเร็ว
พร้อมทั้งจับคู่กับชิปแสดงผล Qualcomm Adreno 619 หน่วยความจำ RAM 8GB + ROM128GB (LPDDR4X + UFS 2.2) และรองรับหน่วยความจำเสริม microSD สูงสุด 1TB หน้าจอของ Redmi Note 11 Pro 5G สามารถปรับอัตรารีเฟรชเรทให้เหมาะสมกับเนื้อหาในการใช้งานได้โดยอัตโนมัติ สูงสุดที่ 120Hz และด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว พร้อมด้วยลำโพงคู่
จึงทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการได้เต็มอรรถรส ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป ดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม ภาพสวยคมชัด ลำโพงดังใช้ได้ ลองทดสอบการเล่นเกมต่าง ๆ หลากหลายแนวก็เล่นได้แบบสบาย ๆ และยังมีฟีเจอร์ Game Turbo ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้สนุกไปกับการเล่นเกมได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถตั้งค่าต่าง ๆ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม รวมทั้งการจัดการที่ช่วยให้ไม่ถูกขัดจังหวะจากการแจ้งเตือน หรือสายโทรเข้า เป็นต้น
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
Redmi Note 11 Pro 5G มีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้แบบเหลือ ๆ เพียงพอตลอดวันด้วยความจุถึง 5000mAh ใช้แบตฯ จนหมดก็ไม่ต้องกังวล เพราะรุ่นนี้มาพร้อมรองรับการชาร์จเร็ว 67W ที่มีอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 67W แถมมาให้แล้วในกล่อง ซึ่งสามารถชาร์จแบตฯ ได้ 51% ในเวลา 15 นาที และชาร์จเต็มภายในเวลา 42 นาทีเท่านั้น
สรุป
โดยสรุปแล้ว Redmi Note 11 Pro 5G รุ่นนี้ก็คาดว่าน่าจะได้รับความนิยมเหมือนกันกับ Redmi Note Series รุ่นที่ผ่าน ๆ มาอย่างแน่นอน ด้วยตัวสเปคที่ค่อนข้างจัดหนักจัดเต็มสวนทางกับราคาค่าตัวที่ไม่แพงจนเกินไป ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับคนที่กำลังมองหามือถือ 5G ประสิทธิภาพดีในงบหมื่นนิด ๆ เท่านั้น
ติดตามอ่านบทความใหม่และบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ xiaomith.com
